วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

10 ปรากฏการณ์ลึกลับเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว(และยูเอฟโอ)

เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวและจานบินยังเป็น เรื่องลึกลับ แปลกประหลาด น่าพิศวง ทุกยุคทุกสมัย สิ่งมีชีวิตที่เชื่อว่าอาจมีอยู่จริงแต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ หลายคนเชื่อว่ามันมาจากนอกโลก ปัจจุบันก็ยังมีเรื่องราวแปลกประหลาดมากมาย

10.The Starchild skull

[ภาพ: 106748730]

The Starchild skull เป็นหัวกะโหลกศีรษะที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ที่มีรูปร่างผิดปกติ โดยอ้างว่ากะโหลดนี้พบในอุโมงค์เหมือง ประมาณ 160 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ ชิวาวา เม็กซิโก โดยกะโหลกถูกฝังรวมกับโครงกระดูกมนุษย์ธรรมดาที่นอนหงายอยู่ ถูกครอบครองโดย เรย์และ เมลานี ยอง

ซึ่งภายหลังได้นำมาให้แก่นักมานุษยวิทยากับศัลยแพทย์และจักษุแพทย์ทำการตรวจ สอบ ในเดือนกุมภาพันธ์ 1999 ว่าเป็นหัวกะโหลกของมนุษย์ต่างดาวหรือว่าเป็นของคนที่เป็นโรคกันแน่ หัวกะโหลกมีความแปลกตรงที่ว่าเป็นหัวกะโหลกที่ผิดรูปผิดร่าง กะโหลกขนาดเล็กปกติ สมองมีขนาดใหญ่ของผู้ใหญ่โดยเฉลี่ย ด้านหลังกะโหลกแบน เป้าตาตรวจพบว่าตาปูดออก จนมีคนคาดเดาว่าเป็นหัวกะโหลกของมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า

จึงได้เอาไปพิสูจน์กัน ผลการตรวจขั้นต้น สรุปได้ว่าดีเอ็นเอของกะโหลกใบนั้นไม่ใช่คน เป็นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพศเมีย และจนบัดนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเจ้าของกะโหลกศีรษะนี้เป็นตัวอะไร


9. Men in Black ( MIB )

[ภาพ: 106754547]

เอ็มไอบี หรือ ชายในชุดดำ เป็นชาย(มนุษย์ต่างดาว?)ที่มักมากลุ่มดูลึกลับแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำและแว่น ตาดำหรือหมวกดำผิวกายส่วนใหญ่ผิวคล้ำ มีรถสีดำ มักจะปรากฏตัวมาภายหลังที่ได้มีการพบเห็นยูเอฟโอหรือมนุษย์ต่างดาวในที่ต่าง ๆ ซึ่งประจักษ์พยานผู้พบเห็นเหล่านี้ต่างบอกกันว่า ชายในชุดดำเหล่านี้จะอ้างว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาล แล้วข่มขู่หรือคุกคามไม่ให้ผู้ที่พบเห็นแพร่งพรายหรือบอกกล่าว ประสบการณ์ที่พวกเขาได้พบเจอมากับสาธารณะ โดยพวกเขามักปราฏในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ และบางรายมีความรู้สึกว่าความทรงจำในช่วงนั้นเลอะเลือนไปด้วยซ้ำ ซึ่งไม่ทราบสาเหตุว่าทำไม และเรื่องเล่าแบบนี้เริ่มขึ้นในปี 1947 และมีรายงานการปรากฏตัวบ่อยครั้งในปี 1950 และ 1960

ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของชายในชุดดำเหล่านี้ หลายคนเชื่อว่ามาจากกองทัพอากาศสหรัฐหรือซีไออ รวมทั้งจุดประสงค์ของพวกเขา ซึ่งก็ก่อให้เกิดความเชื่อและทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ เช่น บ้างก็เชื่อว่า ชายในชุดนำเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับ มนุษย์ต่างดาวในทางลับที่ไม่เปิดเผย หรือบางส่วนก็เชื่อว่า พวกเขาคือมนุษย์ต่างดาวหรือพวกเดียวกับมนุษย์ต่างดาว เป็นต้น

เรื่องราวของชายในชุดดำนี้ ได้ถูกนำไปสร้างเป็นการ์ตูนทุนต่ำ และโด่งดังเมื่อได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1997 เรื่อง Men in Black ที่นำแสดงโดย วิลล์ สมิธ และ ทอมมี่ ลี โจนส์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากจนต้องมีการสร้างเป็นภาคต่อมาอีกด้วยในปี ค.ศ. 2002 (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)


8. Angel Hair

[ภาพ: 106754555]

“เส้นผมนางฟ้า” เป็นปรากฏการณ์ที่หายากและไม่สามารถอธิบายได้ แต่กระนั้นก็มีรายงานไปทั่วโลก มันมีลักษณะเป็นเส้นคล้ายเส้นไหมหรือใยแมงมุม หรือเยลลี่ และตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ถ้าเอื้อมมือไปสัมผัสละก็ มันจะอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกแต่จะพบบ่อยในแถบอเมริกาเหนือ, นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, และยุโรปตะวันตก ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าเกิดจากอะไร หรือแม้กระทั่งมันทำมาจากอะไร เป็นที่คาดการณ์ว่ามันอาจจะมาจากแมงมุม หรือจากแมลงชักใยชนิดอื่นๆ หรือเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งสสารที่ตกมาจากยูเอฟโอ เนื่องจากมันมักจะเกี่ยวข้องกับการพบเห็นยูเอฟโอ เนื่องจากความบอบบางของมัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ เพราะว่ามันมักจะได้รับการปนเปื้อนจากไอเสียรถยนต์และการสัมผัสของมนุษย์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผลทางเคมีได้

7. Spooklight

[ภาพ: 537581-topic-ix-0.jpg]

แสงไฟภูตผีฮอร์เน็ต เป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในทางตะวันตกเฉียงใต้พรมแดนระหว่างรัฐมิสซู รี่และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของโอคลาโฮมา ทางตะวันตกของเมืองเล็กๆ ของฮอร์เน็ต คนที่พบเห็นแสงไฟนี้รู้จักกันดีในชื่อ “ปีศาจเริงระบำ” โดยแสงไฟนี้เป็นปริศนามานานกว่าศตวรรษ มักปรากฏตอนกลางคืนโดยเป็นแสงไฟสีส้มลูกโลกขนาดเท่าลูกเบสบอล เต้นรำและหมุนลงมาด้วยความเร็วสูง เคลื่อนที่จากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกแล้วก็เงียบและหายไป มักปรากฏตามแนวถนนลูกรัง โดยมันปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ตอนนั้นไม่เป็นที่รู้จักกันจนกระทั้งได้รับความสนใจหลังสงครามโลกครั้ง ที่ 2 ตำนานเหล่านี้มีหลายที่มา บ้างก็บอกว่าเป็นวิญญาณของหนุ่มสาวที่กำลังหาคนรักกัน บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากกลุ่มก๊าซในบรรยากาศ และแน่นอนก็มีเรื่องของยูเอฟโอมาเกี่ยวข้องด้วย

6. Cattle Mutilations

[ภาพ: 537581-topic-ix-1.jpg]

การชำแหละวัวในท้องทุ่ง เป็นปรากฏการณ์ฆ่าชำแหละโควัวที่อยู่ในสถานการณ์ที่ผิดปกติและลึกลับ โดยนอกจากวัวแหล้ว ยังมี ม้าวัว แพะ แกะ ที่ถูกฆ่าภายใต้สถานการณ์เดียวกัน โดยปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่วนมากเกิดขึ้นในที่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในสหรัฐอเมริกา รัฐโคโลราโด และที่นิวแม็กซิโก และนอกจากนี้ยังมีรายงานการเกิดปรากฏการณ์นี้บราซิล

โดยจุดเด่นของเหตุการณ์เหล่านี้คือ สัตว์เหล่านี้ถูกฆ่าจำนวนมากในแต่ละครั้ง โดยการฆ่าสัตว์เหล่านี้จะเหมือนการผ่าตัดศัลกรรมที่หมดจดโดยที่ท้องเป็นรู อ้า ทว่าไม่มีเลือดออกและไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ เลย ลักษณะของศพสัตว์หลายครั้งจะลอกเนื้อออกจนเห็นขากรรไกบนและร่างอย่างเปิดเผย นอกจากนี้ยังมีตัดเอาอวัยวะสำคัญบางส่วนไป โดยอวัยวะที่ถูกเฉือนไปนั้นก็ได้แก่ เนื้อบางส่วนตรงคอ อวัยวะสืบพันธุ์ หู ลิ้น หัวใจ ดวงตา เป็นต้น

โดยใช้วิธีการหรือเครื่องมือที่ทันสมัยและล้ำหน้าเอามากๆดูได้จากแผลผ่าตัด ที่ใช้ความรุนแรงที่รุนแรงและคมมาก/เครื่องมือแม่นยำสูง และทิ้งซากสัตว์จำนวนมากไว้ทุ่งร้าง เท่านั้นยังไม่พอเมื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดยังพบรังสีตกค้างบริเวณใกล้ ซากวัวและที่น่าประหลาดใจ ก็คือ สัตว์ที่กินของเน่าจะไม่แตะต้องซากวัวเลย และเมื่อนำผลการตรวจสอบเนื้อเยื่อ พบว่า ซากสัตว์เหล่านั้นเน่าเปื่อยไวกว่าปกติอย่างที่ควรเป็นถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังพบระดับความสูงหรือต่ำผิดปกติของวิตามินหรือแร่ธาตุในตัวอย่าง เนื้อเยื่อที่ปกติไม่พบในสัตว์

ปรากฏการณ์นี้มีรายงานครั้งแรกใกล้อาลาโมซา โคโรราโด ปี 1967 เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับม้าชื่อเลดี้ที่ค้นพบศพของม้าตัวนี้โดยหัวและ คอถูกลอกและตัดอย่างแม่นยำมาก และไม่มีเลือดหยดบนพื้นสักหยด เจ้าของเลดี้ยังพบกลิ่นสมุนไพรรุนแรงกลางอากาศที่รอบศพ ที่เกิดเหตุยังพบรอยประหลาดที่เจาะบนพื้นเหมือนจานบินยูเอฟโอลงจอด และเช่นเดียวกับกรณีอื่น กลางปี 1970 เหตุการณ์ก็เริ่มมากขึ้น เพราะมีรายงานปรากฏการณ์เหมือนกันถึง 15 รัฐ ในพื้นที่อื่นๆ มากมายทั่วโลก

และด้วยปรากฏการณ์นี้เองทำให้หลายคนเชื่อว่า สัตว์เหล่านี้อาจถูกลักพาและผ่าตัดโดยมนุษย์ต่างดาว อีกทั้งบรรดาชาวไร่และเจ้าของปศุสัตว์ต่างพากันมองเห็น เฮลิคอปเตอร์สีดำ แสงประหลาดสีส้ม มีขนาดเล็กกว่าจันทร์เต็มดวงครึ่งหนึ่ง ลอยเรี่ยไปตามบริเวณที่พบซากสัตว์และบริเวณคอกสัตว์ บางคนเห็นเป็นดวงไฟสีน้ำเงิน



5. Greys

[ภาพ: 537581-topic-ix-2.jpg]

เกรย์เป็นชนิดของมนุษย์ต่างดาวที่พบเห็นมาก ที่สุด และถูกเชื่อมโยงในกรณีมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวมนุษย์เพื่อไปทดลอง และชอบศึกษาระบบการสืบพันธ์ของมนุษย์ และยังเป็นพวกที่ชอบชำแหละวัวด้วย

โดยลักษณะของมันเหมือนมนุษย์ มีสีของผิวหนังซึ่งมีสีเทา มีขนาดเล็กและผอมบาง สูงประมาณ 3.5-4.5 ฟุต ผิวสีเทา มีสามหรือสี่นิ้ว ศีรษะใหญ่ ไม่มีผม ดวงตาสีดำขนาดใหญ่ โพรงจมูกและริมฝีปากเล็ก ไม่มีหู และมีเลือดสีขาวเหลือง อีกทั้งมันยังมีความสามารถสื่อสารด้วยโทรจิต

จากการศึกษาในปี 1995 พบว่ารายงานเผชิญหน้าระหว่างคนกับเกรย์ชนิดนี้ออกเป็น ออสเตรเลียประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์, สหรัฐอเมริกา 43 เปอร์เซ็นต์, แคนาดา 90 เปอร์เซ็นต์, บราซิล 67เปอร์เซ็นต์, ยุโรป 20 เปอร์เซ็นต์ และสหราชอานาจักร 12 เปอร์เซ็นต์ อวัยวะไปศึกษาด้วยหลายคนเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวนี้อาศัยอยู่ในระบบกลุ่มดาว Zeta Reticuli

นอกจากนี้มีทฤษฏีมากมายเกี่ยวกับตัวมัน โดยหนึ่งในนั้นคือทฤษฏีที่ว่ามันคือมนุษย์ในอนาคตที่วิวัฒนาการจนมีรูปร่างดังกล่าว


4. Star jelly

[ภาพ: 537581-topic-ix-3.jpg]

เยลลี่ สตาร์ เป็นสารลึกลับที่มีลักษณะเหมือนวุ้นตามตำนานเชื่อว่ามันติดมากับฝนดาวตก โดยสารดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเจลาตินสีเทาหรือสีขาวโปร่งแสง ระเหยตัวช้า ตากรายงานพบว่ามีการพบมายาวนานกลายซตวรรษ ยกตัวอย่างในปี 1950 ในฟิลาเดลเฟีย,เพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบเยลลี่รูปโดมเส้นผ่าศูนย์กลางหกฟุต

เมื่อพวกเขาพยายามนำมันกลับก็ปรากฏว่ามันละลาย ไม่มีกลิ่น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นแรงบันดาลใจกับภาพยนตร์เรื่อง Blob หลังจากนั้นก็มีรายงานกบัสารนี้ทั่วโลกมีการตรวจสอบก็พบว่าไม่มีดีเอ็นเอ อะไรในเยลลี่ทั้งสิ้น มีคำอธิบายเกี่ยวกับที่มาของสารนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง ของเหลวของกบหรือคางคกหรือหนอน ราเมือก และการตกค้างของไซยาโนแบคทีเรีย ปัจจุบันเรื่องของเยลลี่ สตาร์ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมากมาย เช่น Invasion Of The Body Snatchers (1978)


3. Alien abduction

[ภาพ: 106785307]

“การลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว” เป็นเหตุการณ์ที่มีหลายคนอ้างว่าถูกลักพาตัวโดยสิ่งไม่ใช่คนหรือมนุษย์ต่าง ดาวแล้วพาตัวขึ้นไปยังยานอวกาศหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ในกรณีดังๆ ก็เช่น Betty and Barney Hill, Antonio Villas Boas, Dionisio Llancaโดยส่วนมากรูปแบบการลักพาตัวจะเป็นผู้ประสบภัยกำลังขับรถตามลำพังใน บริเวณรกร่างไร้คน

จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไล่ตามหลังรถของเขาโดยเป็นแสงไฟหรือจานบิน แล้วหลังจากนั้นความจำของก็หายไป โดยจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่องว่างเวลาที่หายไปได้ สัปดาห์ต่อๆ มาก็เริ่มมีความฝันประหลาดเกี่ยวกับการลักพาตัวมนุษย์ต่างดาว จนเกิดความเครียดจนต้องไปหาจิตแพทย์ซึ่งคนเหล่านี้มักใช้วิธีการสะกดจิต เพื่อกลับไปยังจุดเริ่มต้นในการเกิดอะไรขึ้นในช่วงว่างเวลาดังกล่าว

นอกจากนั้นบางกรณีผู้ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวเหล่านั้นยังมีการปลูกถ่าย วัตถุทางกายภาพในร่างกายอีกด้วย โดยวัตถุดังกล่าวมีหลายรูปแบบบางครั้งก็เหมือนที่แท่ง หรือเหรียญขนาดเล็ก โดยไม่สามารถอธิบายโดยวิทยาศาสตร์ได้ว่ามันคืออะไร


2. Ancient astronauts

[ภาพ: 537581-topic-ix-4.jpg]

“นักบินอวกาศโบราณ” เป็นทฤษฏีที่ตั้งขึ้นโดยมีแนวคิดว่ามนุษย์โลกในสมัยโบราณได้รับอิทธิพลความ รู้จากวิทยาการจากมนุษย์ต่างดาว ที่มาเยี่ยมเยือนโลกในอดีต มนุษย์ต่างดาวดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องในกำเนิด วิวัฒนาการและพัฒนามนุษย์ การช่วยเหลือเทคโนโลยี จนมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและศาสนาของมนุษย์ชาติ

ส่งผลทำให้มนุษย์นับถือมนุษย์ต่างดาวเสมือนกับพระเจ้าไม่ปาน โดยแนวคิดดังกล่าวเริ่มขึ้นใน 1968 จากหนังสือของ Erich von Däniken โดยแนวคิดดังกล่าวจะเป็นหลักฐานจากอดีตกาล เช่น เทพเจ้าโบราณที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนก หรือสัตว์เลื้อยคลานแต่ตัวเป็นคน การค้นพบภาพผาผนังหรือรูปเกาะสลักมนุษย์ต่างดาวเป็นต้น

แต่กระนั้นอย่างไรก็ตามวัตถุหลายชนิดก็ถูกระบุว่ามันเป็นของปลอมหรือไม่ก็ คาดเคลื่อนจากความจริง เหมือนในกรณี และแนวคิดดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นแนวการแต่งนิยายและภาพยนตร์หลายเรื่อง


1. Solway Firth Spaceman

[ภาพ: 537581-topic-ix-5.jpg]

นักบินอวกาศแห่งโซลเวย์เฟิร์ธ(หรือจะเรียก ว่านักบินอวกาศโซลเวย์ หรือนักบินอวกาศแห่งคัมเบอร์แลนด์) หมายถึงภาพที่ถ่ายในปี 1964 โดยฝีมือของจิม เทอป์เพลตันที่ถ่ายลูกสาวห้าขวบของเขาในพื้นที่บะระห์ ซึ่งสามารถมองเห็นโซลเวย์เฟิร์ธ คัมเบอร์แลนด์ ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างสก็อตและอังกฤษ โดยเขาถ่ายรูปสาวของเขาสามใบในลักษณะนั่งบนพื้นหญ้า และเมื่อภาพออกมาเขาก็ตกใจเมื่อภาพมีสิ่งแปลกปลอมอะไรบางอย่างเหมือนนักบิน อวกาศตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหลังศีรษะลูกสาวของเขา โดยนักบินอวกาศสวมชุดสีขาวแล้วหมวกแปลกๆ เหมือนหมวกกันน็อกอยู่บนหัว ทั้งที่เขายืนยันว่าตอนที่ถ่ายรูปดังกล่าวบริเวณโดยรอบไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ เลย เมื่อภาพถ่ายถูกเผยแพร่ปรากฏว่ารัฐบาลที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศพยายามขอ ร้องจิมว่ารูปถ่ายนี้เป็นของปลอมหากแต่เขาปฏิเสธ และภาพดังกล่าวได้ให้นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพมาปรากฏว่ามัน เป็นภาพถ่ายมนุษย์ต่างดาวของจริง ปัจจุบันภาพดังกล่าวยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของจริงหรือปลอมและเป็น ภาพถ่ายมนุษย์ต่างดาวที่ดีที่สุดในเวลานี้

ที่มา : http://board.banrasdr.com/showthread.php?tid=19736
http://writer.dek-d.com/cammy/writer/viewlongc.php?id=486572&chapter=313

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น