วงธัญพืชลึกลับขี้เล่นหรือคำเตือน
ระยะเวลาที่ Crop Circles จะมาถี่ๆมักจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ที่มาตามนัดไม่เคยให้ผิดหวังเสมอ และปีนี้ก็มาในแบบที่ทำเอาฮือฮากันไปหลายวง โดยเฉพาะวงที่ปรากฏขึ้นที่เมืองวิลท์เชียร์ (Wilt shire) เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่ฮือฮากันก็เพราะว่า วงธัญพืชปริศนาวงนี้มาในรูปลักษณ์ที่ดูยังไงก็เป็น “อีที” ชัดๆ แถมยังล้อเล่นด้วยการคาบไปป์อีกด้วย
เจอเข้าแบบนี้ บางคนก็บอกว่ามนุษย์ต่างดาวมีอารมณ์ขันแหงๆ แต่นักวิทยาศาสตร์บางท่านก็บอกว่าไหมล่ะ นี่มันเรื่องหลอกเด็กชัดๆ
อาจารย์ เทย์เลอร์บอกว่า หากใครอยากทำเลียนแบบ ก็จงถอดเอาหลอดให้ความร้อนในเตาไมโครเวฟ หรือที่เรียกกันว่า หลอดแม็กนิตรอนออกมา แล้วหาแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ มาประกบเพื่อเป็นแหล่งให้พลังงาน จากนั้นก็ออกไปลุยสร้างวงธัญพืชปริศนากลางท้องทุ่งได้เลย
ส่วน คำอธิบายแบบเก่าๆที่เคยมีผู้ออกมายอมรับว่าล้อเล่นกับวงธัญพืชปริศนา โดยใช้แผ่นไม้กระดานนาบให้ต้นพืชราบลงไปนั้น ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เหมือนกัน แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การพัฒนาเทคโนโลยีโดยใช้จีพีเอส และอุปกรณ์ เลเซอร์เข้าช่วย ก็จะทำให้เทคนิคการสร้างสรรค์เป็นไปได้ดีขึ้น และเกิดเป็นรูปแบบที่แน่นอนขึ้น
ในขณะที่เจ้าของที่ดินอันเกิดรูป “อีทีคาบไปป์” นี้คือ ทิม คาร์สัน (Tim Carson) บอกว่า แม้จะเคยเกิดวงธัญพืชปริศนาในฟาร์มของลุงแกมาตั้ง 125 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 แต่เกิดทีไรก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ และลุงแกก็บ่นด้วยว่า พอมีวงธัญพืชปริศนามาโผล่ทีไร สิ่งที่ตามมาทันทีคือความเสียหายกับผลิต ผล จากปัจจุบันที่ลุงคาร์สันก็เซ็งๆ อยู่แล้วที่ต้นทุนการทำฟาร์มข้าวสาลีพุ่งเอ๊า...พุ่งเอา แถมยังเจอภัยแล้งซํ้าซ้อนอีก
ก็ยังไม่วายต้องมาเจอรูป “อีที” ที่ทำให้ต้นข้าวของลุงตายแหงแก๋...
อันว่าเมืองวิลท์เชียร์ที่เกิดรูปภาพนี้อยู่ใกล้ๆ
รูป ม้าขาวอันมีชื่อเสียงในพื้นที่ถัดจากสโตนเฮนจ์มาไม่มากนัก และเป็นเมืองที่มีสถิติการเกิดวงธัญพืชปริศนามากที่สุด คือในแต่ละปีจะเกิดขึ้นประมาณ 50-60 วง ในขณะที่สถานที่อื่นๆทั่วโลกจะเกิดขึ้นอีกประมาณ 40-50 วง เรียกว่าพื้นที่นี้ต้องเป็นพื้นที่พิเศษจริงๆ ทำให้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตามรอยวงธัญพืชปริศนามาที่นี่กันอย่าง คึกคัก นักท่องเที่ยวข้ามนํ้าข้ามทะเลมาดูให้เห็นกับตาตัวเองกันปีละหลายพันคน และเมื่อได้ข่าวว่าวงธัญพืชปริศนามาโผล่ที่ไหน ก็จะรีบกระจายข่าวและแห่กันไปยกใหญ่
มีรายงานว่า วงธัญพืชปริศนาเหล่านี้ได้ถูกพบเห็นในอังกฤษมาตั้งแต่ ค.ศ.1678 และต่อมาปี ค.ศ. 1932 ก็ดังกระฉ่อน เพราะมีการถ่ายภาพไว้เป็นภาพแรก ทำให้โลกทั้งโลกได้เห็นและพลอยครางฮือไปกับคนอังกฤษด้วย
และหากจะ พูดกันถึงภาพที่ถูกวิเคราะห์เจาะลึกมากที่สุดอีกภาพหนึ่ง เห็นจะเป็นวงธัญพืชปริศนาที่เกิดขึ้นที่เขตเวสต์ วู้ดเฮย์ (West Woodhay) ซึ่งก็อยู่ในเมืองวิลท์เชียร์เมืองเดิมนั่นแหละ (บอกแล้วว่าย่านนี้เป็นย่านฮิต)
ภาพที่มีผู้สนอกสนใจกันมากนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้เอง เป็นภาพที่มีวงกลม 29 วง เรียงต่อกันเองเป็น เส้นโค้ง ลักษณะคล้ายงูใหญ่ แถมส่วนหัวยังมีลักษณะเหมือนเป็นลิ้นมีแฉกพุ่งออกไปอีก
ทำไมภาพนี้ถึง กลายเป็นภาพสำคัญที่มีการกล่าวถึงกันมากในเครือข่ายของกลุ่มผู้สนใจวงธัญพืช ปริศนาที่ตอนนี้ “เปิดวงเมาท์” กันทั่วโลกผ่านสังคมออนไลน์
ว่า กันแบบพื้นๆก่อน หากมองว่า นี่คืองู คำตอบที่ตามมาคือความชั่วร้าย เพราะงูเป็นสัญลักษณ์แห่งพิษ และเรื่องร้ายๆ มาแต่ไหนแต่ไร การมีภาพงูมาปรากฏในวงธัญพืชปริศนานี้ จึงทำให้เกิดการตีความไปในเบื้องต้นก่อนว่า นี่คือลางร้าย
และเมื่อ มีผู้ออกมาตีความมากขึ้นไปอีก ก็มีการโยงเข้าไปถึงเทพเควทซาลโคลท์ (Quetalcoalt) อันเป็นเทพดั้งเดิมของชาวเอสเท็กส์ (Aztecs) ที่มีจารึกในนครเก่าแก่เตโอติฮัวคัน (Teotihuacan) และชาวเผ่าโบราณในแถบอเมริกากลางหลายเผ่าก็นับถือ รวมทั้งพวกมายัน เจ้าของตำนานวันสิ้นโลกในปี ค.ศ.2012 อันลือลั่น
เมื่อ พินิจพิจารณาแฉกที่ลิ้นงู ก็มีการตีความว่า นั่นน่าจะเป็นสามง่าม หรือ ตรีศูล หนึ่งในสัญลักษณ์ของพระศิวะ มหาเทพแห่งการทำลายล้าง และเกิดใหม่ ผู้ทรงสังวาลเป็นงู ในขณะที่ตรีศูลของพระองค์เอง ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย การทำลายล้าง และการเกิดใหม่
ยัง...ยัง ไม่หมด มหาเทพอีกพระองค์หนึ่งที่ทรงตรีศูล คือ เทพโพไซดอน หรือเนปจูน เจ้าแห่งท้องนํ้าทะเลและมหาสมุทร ซึ่งยามพิโรธอาจก่อ ให้เกิดทั้งภัยจากนํ้าและธรณีไหว ซึ่งอาจจะเกี่ยว พันกับการร่วมกวาดล้างทำลายโลกด้วย
สรุปว่า ทุกทางบ่งชี้ไปถึง “คำเตือนวันสิ้น โลก” ของแทบทุกความเชื่อ ทุกอารยธรรมทั่วโลก คำเตือนนี้จึงเป็นคำเตือนอันสากล ที่ทำให้หลายคนขำไม่ออก
ส่วนวงกลมปริศนานี้ จะเป็นคำเตือนถึง อนาคตหรือเป็นแค่เรื่องล้อเล่นขำๆก็คงต้องลุ้นกัน
ต่อไป...
ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน
ที่มา http://www.thairath.co.th/column/life/sundayspecial/216132
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น