วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

10 เหตุการณ์สำคัญ... ที่สุดในประวัติศาสตร์ “ยูเอฟโอ”

วบกอม หรือ วัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์
(UFO : Unidentified Flying Object) เป็นศัพท์ทางวิทยาศาสตร์การทหาร
บัญญัติโดย กองทัพอากาศสหรัฐ (USAF : United States Air Force)
หมายถึง วัตถุบินที่มีอยู่จริงหรือสังเกตเห็นได้ แต่ไม่สามารถระบุ
ได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นอะไร

แน่นอนสิ่งที่ตามมาก็คือว่า ยูเอฟโอมีจริงหรือ?”

แน่นอนว่ามันยังคงเป็นปัญหาที่ไม่มีคำตอบ (โลกแตก) แม้แต่ปัจจุบันคำถามนี้
ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามีมันมีจริงหรือไม่ เพราะส่วนมากยูเอฟโอส่วนใหญ่
ที่พบเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ(ฟ้าผ่า, ดาวเคราะห์, ก๊าซ) บางส่วนเกิด
จากฝีมือมนุษย์(ลูกโป่ง เครื่องบิน) หรือบางกรณีที่หลอกลวง แต่กระนั้นอย่างไร
ก็ตามก็มีกรณีจำนวนน้อยมากที่ระบุว่ายูเอฟโอนั้นเป็นของจริงที่คาดว่ามาจาก
นอกโลก และบางเหตุการณ์ก็ส่งผลกระทบต่อสังคมจนกลายเป็นลัทธิความเชื่อ
ยูเอฟโอในเวลาต่อมา

และนี้คือ 10 เหตุการณ์ยูเอฟโอที่โด่งดังที่ไม่ใช้แปลกประหลาดอย่าง
เดียวเพราะมันส่งกระทบต่อประวัติศาสตร์ยูเอฟโอด้วย
...
...
10. California and the Midwest “Airship” Sightings, 1896-97




ในสมัยหลายร้อยปีก่อนผู้คนมากมายแยกแยะไม่ออกว่าแสงที่อยู่บนท้องฟ้านั่น
คืออะไรกันแน่ ระหว่างปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือสิ่งที่มาจากต่างดาว แต่อย่าง
ที่คุณรู้สมัยก่อนยังหาคำที่ไม่สามารถเรียกสิ่งนั้นได้ (เพราะยูเอฟโอนั้นพึ่ง
บัญญัติศัพท์เมื่อ 1947 ) และภาพข้างต้นเป็นภาพวาดจากการพบเห็น ซึ่งต่อ
มาได้รับการกล่าวขานว่า อากาศยานอันยิ่งใหญ่แห่งแคลิฟอร์เนีย

โดยในเดือนพฤศจิกายน 1896 มีรายงานการพบเรือเหาะประหลาดที่คาดว่า
มันไม่ใช้สิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นบินผ่านเหนือเมืองซาคลาเมนโต เมือง
โอ็กแลนด์ และเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาในตอนกลางคืน

จากรายงานระบุว่ามันมีรูปทรงกลมรี มีใบพัดและไฟฉายพลังงานสูง มัน
เคลื่อนที่สามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่น่าสนใจก็คือ1896-97 ได้เกิด
ปรากฏการณ์วัตถุลึกลับคล้ายกันแบบนี้เกิดขึ้นที่เมืองต่างๆ ในแคลิฟอร์เนีย
ต่อหน้าต่อตาของประชาชนหลายคน  แน่นอนฝ่ายที่ไม่เชื่อยูเอฟโอก็บอกว่า
เป็นปรากฏการณ์อุปทานหมู่ เช่นเคย แต่กระนั้นเหตุการณ์นี้นำมา
ซึ่งปรากฏการณ์ยูเอฟโอสมัยใหม่ในเวลาต่อมา





9. Washington, DC Sightings, 1952





เหตุการณ์ยูเอฟโอปรากฏวอชิงตัน เป็นเหตุการณ์ที่มีรายงานตรวจพบ
ฝูงวัตถุประหลาดบินได้จากจอเรดาห์ และเป็นยังมีผู้คนพบเห็นวัตถุบินลึกลับ
ที่มีลักษณะแปลกๆ เช่น มันเป็นแสงสีส้มสดใส หรือไม่ก็แสงสีขาวบนท้องฟ้า

โดยฝูงยูเอฟโอปรากฏตัวในช่วงสองวันหยุดสองวันติดต่อกันคือ ในฤดูร้อน
ระหว่าง 19 20 กรกฎาคม และ 26-27 กรกฎาคม ต่อหน้าผู้คนมากมาย
ในสนามบินนานาชาติวอชิงตัน ดี.ซี. ในช่วงตอนกลางคืน ซึ่งกองทัพอากาศ
ได้ส่งเครื่องบินเพื่อติดตามแต่ก็ไร้ประโยชน์

เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมและ 20 กรกฎาคม โดยวันแรกเริ่ม
ขึ้นเมื่อ เวลา 11.40 น. เมื่อ นายเอ็ดเวิร์ด นิวเจนท์ เจ้าหน้าที่ควบคุมสัญญา
การจราจรทางอากาศที่สนามบินวอชิงตันได้ตรวจพบวัตถุประหลาดจาก
จอเรดาห์ มันมีถึง 7 จุด (ลำ) อยู่ห่างจาก 15 ไมล์ (ประมาณ 24 กิโลเมตร)
ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง และพื้นที่แห่งนั้นไม่มีเครื่องบินใดๆ ทั้งสิ้น
บินอยู่ โดยเขาได้กล่าวเหตุการณ์ในวันนั้นว่า
ผมรู้ทันทีว่านี้เป็นสถานการณ์ที่แปลกมาก การเคลื่อนไหวของพวกมัน
สมบูรณ์แบบถึงขีดสุดเมื่อเทียบกับเครื่องบินทั่วไป
ทิศทางของพวกมันเคลื่อนที่มุ่งตรงไปยังอาคารรัฐสภา จึงวิทยุแจ้งไปยัง
ฐานทัพอากาศแอนดรูว์ หากแต่ว่าเจ้าหน้าที่ฐานทัพอากาศไม่พบสิ่ง
แปลกปลอมใดๆบนจอเรดาร์

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นวิลเลี่ยม แบรนดี้ เจ้าหน้าที่หอควบคุมได้เห็นฝูงวัตถุ
ประหลาดที่นอกหน้าต่าง เขากล่าวว่า
มันเป็นแสงสีส้มสดใส ผมไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไร
และฝูงลูกไฟสีส้มฝูงหนึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่คนอื่น
จะขึ้นมาบนหอคอย ลูกไฟประหลาดกลุ่มนั้นก็หายไปจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เวลา 00.30 น. ขณะที่นักบินสายการบินแคปิตอลรอสัญญาณนำเครื่องขึ้นบิน
เขารายงานว่าเห็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่  6 ดวงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
อยู่บนท้องฟ้า เข้าใจว่าเป็นลูกอุกกาบาต เขาเฝ้าดูมันนานถึง 14 นาที ก่อนที่
จะหายไปซึ่งเหตุการณ์ยูเอฟโอปรากฏเมื่อ 19-20 กรกฎาคม นี้ถูกพาดข่าว
หน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศ

จากนั้นฝูงจานบินก็เกิดขึ้นอีกเมื่อช่วง 26-27 กรกฎาคม โดยวันที่ 26 กรกฎาคม
เวลา 20.15 น. ลูกไฟประหลาดปรากฏตัวขึ้นที่เดิมอีกครั้ง พนักงานต้อนรับสาย
การบินเนชั่นนอล รายงานว่าเห็นวัตถุประหลาดลอยอยู่เหนือ เครื่องบิน หลังจาก
นั้นไม่นาน หอบังคับการบินกรุงวอชิงตันก็ตรวจพบวัตถุบินไม่ปรากฏสัญชาติ
บนจอเรดาร์ และคราวนี้จอเรดาร์ของฐานทัพอากาศแอนดรูว์ก็ตรวจพบ
เช่นเดียวกัน รัฐบาลอเมริกาได้ส่งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์
ทำการตรวจสอบครั้งนี้ก่อนที่จะออกมาแถลงว่า การพบเห็นทั้งหมดเป็นเพราะ
อุณหภูมิไม่คงที่ทำให้เรดาร์เกิดความผิดปกติ และสิ่งที่หลายคนเห็นเป็นแสงไฟ
เกิดจากปรากฏการณ์ชั้นบรรยากาศและอุปทานหมู่ของคน (ประจำ)

โดยผลสรุปเหล่านั้นถูกเก็บในแฟ้มของ Project Blue Book (เป็นโครงการหนึ่ง
ของรัฐบาล ที่ตั้งขึ้นเพื่อหาเหตุผลและหลักฐานเพื่ออธิบายการปรากฏของ
จานบิน โดยผลสรุปส่วนใหญ่มักจบลงด้วย คิดไปเอง”)

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวการปรากฏตัวของยูเอฟโอในวอชิงตัน ทางรัฐบาลสหรัฐ
ก็ไม่สามารถ หาคำอธิบายที่ดีและมีเหตุผลที่ดีให้กับเรื่องราวเหล่านั้นได้
และมันก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงกระทั่งทุกวันนี้ ส่งผลทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้
ได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ยูเอฟโอปรากฏตัวออกมายิ่งใหญ่
ที่สุดตลอดกาล ส่งผลทำให้รายงานการปรากฏตัวของยูเอฟโอเป็นที่น่าเชื่อถือ
และทำให้ลัทธิเชื่อยูเอฟโอไม่ยอมความกันง่ายๆ หากมีใครมาเถียงว่ายูเอฟโอ
ไม่มีจริง และมักยกเหตุการณ์นี้มาอ้างทุกครั้งไป
(รายละเอียดอ่านได้ที่เว็บด้านบน)





8. Phoenix Lights, 1997




ไฟฟินิกซ์ ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ปรากฏยูเอฟโอที่มีชื่อเสียง เนื่องจากมีพยาน
หลายคนจำนวนมากพบเห็น และมีการถ่ายวีดีโอเทปจำนวนมากมาย และปรากฏ
ในช่องสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นและชัดเจนอีก

โดยรายงานระบุว่าเมื่อตอนเย็น 13 มีนาคม 1997 มีพยานหลายคนพบเห็นวัตถุ
ลึกลับเหมือนจานบินขนาดใหญ่รูปร่างสามเหลี่ยมรูปตัววี ส่องแสงไฟเป็นดวงๆ
จำนวนหนึ่งบินปรากฏเหนือท้องฟ้าในเมืองฟินิกซ์ และหลายเมืองในเนวาด้า
อาริโซน่า และนิวเม็กซิโก

โดยรายงานแรกเริ่มขึ้นเมื่อ 18.55 น. มีการพบเห็นดวงไฟหลายดวง และ
วัตถุบินได้คล้ายรูปตัววีใน เนวันด้า ขนาดของมันใหญ่พอๆ เครื่องบินโบอิ้ง 747
โดยมีดวงไฟสีแดงหรือสีส้มส่อง 6 ดวงอยู่ข้างใต้ยาน และมันบินอย่างช้าๆ
และหายไปทางทิศใต้เหนือน่านฟ้า แต่เหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดคือการปรากฏ
ตัววัตถุคล้ายๆ กันในเมืองฟินิกซ์ ในพื้นที่อากาศยานเมืองฟินิกซ์ (United
States Air Force (USAF) เพราะมันปรากฏนานกว่าเกือบสามชั่วโมงในช่วง
19.30 น.-22.30 น. อยู่เหนือท้องฟ้าทางด้านตะวันตกของเมือง และเคลื่อน
ที่อยู่บนอากาศอย่างช้าๆ และเงียบๆ และหลังจากนั้นไม่นานผู้เห็นเหตุการณ์
จำนวนมากต่างก็พากันโทรศัพท์เข้าไปตามรายการวิทยุ รายงานโทรทัศน์
และสถานีตำรวจ เพื่อแจ้งเหตุ

ในเวลาต่อมาทางฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมากล่าวอ้างว่าแสงไฟ
สีอำพันลึกลับซึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าที่เห็นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกบินของ
ทางกองทัพ แน่นอนประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ เหตุการณ์ครั้งนี้ แต่กระนั้นก็
ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ว่าคืออะไร และยังคงถกถียงจนถึงทุกวันนี้
พร้อมคลิปในเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ปรากฏตามเว็บมากมาย และเว็บข้างล่างก็
คือหนึ่งในนั้น

...
...
...





7. Kecksburg, Pennsylvania UFO Crash, 1965




เหตุการณ์ยูเอฟโอที่เคกส์เบิร์ก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ
วันที่ 9 ธันวาคม 1965 เมืองเคกส์เบิร์ก (Kecksburg) รัฐเพนซิลเวเนีย
สหรัฐอเมริกา (ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมจานบินมันชอบปรากฏในอเมริกา
กันนัก) โดยเหตุการณ์ในวันนั้นมีพยานหลายคนประจักษ์พยานนับพันคนทั้ง
ในรัฐเพนซิลเวเนียและรัฐใกล้เคียงอย่างน้อยหกรัฐ เช่น มิชิแกน, โอไฮโอ
หรือแม้แต่ออนทรีโอในแคนาดา ต่างก็เห็นกับตาว่ามีวัตถุสุกสว่างขนาดใหญ่
บินผ่านท้องฟ้าเหนือบริเวณที่พวกเขาอยู่ และไปตกพร้อมกับเสียงระเบิดดัง
สนั่นทางตะวันตกของรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งบริเวณนั้นเป็นป่าไม้ ทำให้ป่าไม้ใน
บริเวณที่วัตถุนั้นตกเริ่มลุกไหม้เป็นบางส่วน

หลังจากนั้นกองทัพสหรัฐฯ ก็ระดมกำลังตรวจสอบพื้นที่บริเวณนั้นและปิด
กั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ แต่หลังจากค้นหากันอยู่นาน นายทหาร
ที่ร่วมค้นหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของนาซาก็ออกมาบอกว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
ทั้งสิ้นในบริเวณดังกล่าว พร้อมกับมีรายงานออกมาว่าเป็นเพียงแค่สะเก็ดดาว
ตกลงมาเท่านั้น

อย่างไรก็ดี มีพยานในที่เกิดเหตุหลายคนยืนยันหนักแน่นว่าพวกเขาเห็น
เจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกมาขนวัตถุขนาดใหญ่พอๆ กับรถเต่า (โฟล์คสวาเกน)
และมีลักษณะคล้ายกับระฆังสีส้ม (หรือเหมือนผลต้นโอ๊ก) ออกจากบริเวณ
ที่เกิดเหตุในค่ำคืนวันนั้น และเหตุการณ์ในครั้งนี้มีการยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐ
บังคับให้เปิดเผยข้อมูลเหตุการณ์เคกส์เบิร์กให้ประชาชนรับทราบ

จนกระทั้งปี 2005 องค์กรบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ก็ต้องยอม
เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามคำสั่งศาล โดยสิ่งที่นาซ่าอธิบายมันคือดาวเทียมลับ
ของรัสเซีย โดยหลักฐานคือการตรวจสอบชิ้นโลหะจากวัตถุดังกล่าว
ซึ่งคำอธิบายของนาซ่าครั้งนี้ขัดต่อคำแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเมื่อ
ปี 1965 เป็นอย่างยิ่ง (ที่ตอนนั้นเป็นดาวตก) ต่อมามีการบังคับให้เอานาซ่า
เอาหลักฐานมาอีกครั้ง แต่คราวนี้นาซ่าบอกว่าเอกสารหลักฐานดังกล่าว
มันหายไป ซึ่งไม่แน่ใจว่ามันถูกทำลายหรือจงใจปกปิดกันแน่





6. Mantell Incident, 1948




เมื่อวันที่ 7 มกราคม 1948 ในรัฐเคนตักกี้ ตลอดทั้งวันนั้นมีรายงานแจ้ง
จากประชาชนในเมืองแมรีส์ วิลล์, ไอร์วิงตัน และโอเวนส์โบโร และหมู่บ้านอื่นๆ
ในแถบนั้นว่า พบจานบินส่องแสงขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เหนือท้องฟ้า

โดยรายงานนั้นเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.15 น. จากสถานีตำรวจไปยังฐานทัพ
อากาศกอดแมน ซึ่งฐานทัพอากาศยืนยันว่าในเวลานั้นไม่มีเครื่องบินใดๆ อยู่
ในบริเวณที่รับรายงานดังกล่าว และในเวลาต่อเมื่อ เมื่อเวลา 13.35 น. เรดาร์
ของฐานทัพกอดแมนได้ตรวจพบ จานบินลึกลับกำลังบินใกล้สถานบินเข้ามา
ทางตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 3950 เมตร จานบินที่ว่าส่องแสงเป็นวงกลม
มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 150 เมตร

ซึ่งในเวลาต่อมาเรืออากาศเอกโธมัส แมนเทลล์ และเครื่องบินรบมัสแตง
เอฟ-51 ได้ติดตามจานบินลึกลับลำนั้น ซึ่งเขาบินโดนไม่มีออกซิเจนแต่ต้อง
บินระดับสูงกว่า 7000 เมตร และการติดต่อครั้งสุดท้ายของเขาที่มายังหอ
บังคับการณ์ก็คือ
พระเจ้า! มันน่ามหัศจรรย์ มันอยู่เหนือผมพอดี มันใหญ่โตมโหราฬมาก
ผมกำลังพยายามไปถึงมัน มันกำลังบินสูงขึ้น มันบินสูงขึ้น...... มันเริ่ม
ร้อน มันร้อน ร้อนมากทีเดียว ผมทำไม่....จากนั้นก็เงียบไปเลย
(ในความเป็นจริงคำพูดเหล่านี้เป็นการตีใส่ไข่ในหนังสือพิมพ์ครับ คำพูดจริงๆ
คือเขามองเห็นจานบินเหนือศีรษะ และเคลื่อนที่เร็วและบอกว่าเป็นวัตถุโลหะ
ขนาดใหญ่ ก่อนที่รายงานจะหายไป)

ผลสุดท้ายเครื่องบินมัสแตงของแมนเทลล์ได้ดิ่งเป็นแนวตั้งฉากลงพื้น
ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งเมื่อเวลา 15.15 น. และเกิดระเบิดเป็นซากเล็กซากน้อย
ศพของเขาพบในห้องนักบิน และจากรายงานพบว่ามีรูและรอยขีดข่วนจาก
ความร้อนสูงปรากฏในซากเครื่องบิน เหมือนกับว่าเครื่องบินนี้ถูกโจมตีจาก
รังสีสังหารบางอย่าง

แน่นอนหลายฝ่ายตั้งสมมุติฐานนี้ว่าสิ่งที่เครื่องบินมัสแตงของแมนเทลล์
ติดตามนั้นเป็นบอลลูนตรวจอากาศ หรืออาจเป็นทรงกลดของดวงอาทิตย์
ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า อันเนื่องจากผลึกน้ำแข็งซึ่งลอยอยู่บนชั้นบรรยากาศ
แต่เรื่องทั้งหมดยังคงเป็นความลับอยู่ดี และเหตุการณ์ในครั้งได้รับรับการ
กล่าวว่าเป็นการตายของคนครั้งแรกที่จำเลยเป็นยูเอฟโอ





5. Barney and Betty Hill Abduction, 1961




เหตุการณ์ลักพาตัวครั้งแรกโดยมนุษย์ต่างดาว (อย่างเป็นทางการ) เริ่มขึ้น
เมื่อตอนเย็น 19 กันยายน ค.ศ.1961 ในรัฐนิวแฮวเชียร์ สหรัฐอเมริกา
ครอบครัวฮอลส์ ที่ประกอบด้วยสามีชื่อ บาร์นีย์ ฮิลส์(Barny Hills) วัย 39 ปี
พนักงานไปรษณีย์ และนางเบ็ตตี้ ฮิลล์ (Betty Hilly) ผู้เชี่ยวชาญประจำ
กรมคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ที่กำลังอยู่ระหว่างพักผ่อนตากอากาศรำลึก
ความหลังเก่าๆ ที่แคนาดา ในขณะที่พวกเขากำลังขับรถกลับบ้าน พวกเขาก็
ได้สังเกตสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นยูเอฟโอที่ลอยบนถนนเมืองนอร์ธ วู้ดสต็อค
และแล้วหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้สติ ไม่สามารถจำเรื่องที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นได้ (รายงานบอกว่าพวกเขาหายไป 2 ชั่วโมง โดยไม่สามารถอธิบาย
ได้ว่าช่วงที่หายพวกเขาไปทำอะไรไว้)

หลังจากนั้นหลายสัปดาห์ต่อมาพวกเขาทั้งสองก็บ่นเรื่องความฝันที่น่ากลัว
และประหลาดของพวกเขา ทั้งสองจึงไปพบจิตแทย์และนักประสาทวิทยา
ผู้เชี่ยวชาญ ดร.เบนจามิน ไซมอน (Dr. Benjamin Simon) โดเขาได้ใช้วิธี
สะกดจิตแบบย้อนหลัง เพื่อปลดล็อกความทรงจำที่สูญหายไปสองชั่วโมง
ดังกล่าว ภายหลังการรักษาสองสามีภรรยานานกว่า 2 เดือน หมอก็ออกมา
แสดงความเห็นว่า สองสามีภรรยาถูกมนุษย์ต่างดาวลักพา และถูกมนุษย์
ต่างดาวนนั้นมีศีรษะทรงลูกแพร์ และดวงตากลมโตซึ่งนำตัวสามีภรรยาขึ้น
บนยานบิน ทำการทดลองทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ต่างๆ ก่อนที่จะ
ถูกมนุษย์ต่างดาวปล่อยตัวไป โดยการสะกดจิตเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

และแล้วกรณีครอบครัวฮอลล์ก็กลายเป็นกรณีศึกษา และถกเถียงจนถึงปัจจุบัน
ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกที่สองสามีภรรยาทำขึ้น แต่กรณีนี้
ส่งผลทำให้พลังสะกดจิตมีส่วนอย่างมากในการสืบสวนคนที่ถูกมนุษย์ต่างดาว
ลักพาตัวในเวลาต่อมา





4. JAL Flight 1628, 1986



JAL Flight 1628 เป็นชื่อเครื่องบินจัมโบ้ที่ใช้สำหรับขนสินค้าของพลเรือน
ได้พบเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดคือ วันที่ 16 หรือ 17 พฤศจิกายน 1986
ลูกเรือญี่ปุ่นของเครื่องบิน JAL ได้พบวัตถุจานบินได้สามลำลึกลับที่ไม่สามารถ
ระบุที่มาเหนืออลาสกา สหรัฐอเมริกา ในระหว่างขนส่งสินค้าเที่ยวขนสินค้า
จากปาริสเพื่อไปกรุงโตเกียว 966 กิโล/ชม. ระดับความสูงกว่า 35,000 ฟุต
แต่เครื่องบินแวะอลาสกาเพื่อเติมเชื้อเพลิงเมื่อเวลา 17.11 น.

โดยกัปตันเคนจิ (Kenji Terauchi) รายงานว่าพบเห็นวัตถุขนาดใหญ่ขนาด
เป็นจานบินสามลำคล้ายเปลือกวอลนัท จานบินหนึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามากๆ
ใหญ่เป็นสองเท่าเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 610 เมตร ส่วนอีก
สองลำมีขนาดเล็กกว่าประมาณ 305 เมตร และเจ้าวัตถุนี้ปรากฏอยู่นานหลาย
นาทีและมีความเร็วเท่ากับยานของเขา และเขาก็กล่าวอีกว่าเขารู้สึกอบอุ่น
เมื่อจานบินนั้นส่องแสง ซึ่งกัปตันได้ขอให้ทางการทหารแทรกแซง หากแต่
ได้รับการปฏิเสธ แต่กระนั้นเครื่องบิน JAL ก็ปลอดภัยและลงจอดเมื่อเวลา
18.20 น. และเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่กรณี ที่ลูกเรือสายการบินพลเรือน
ยินดีที่จะออกมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อให้สาธารณะชนได้รับรู้ (ปกติมักกลัว
และถูกปกปิด)





3.1. (Tie) Tehran, Iran Incident, 1976




คงจะเบื่อยูเอฟโอ อเมริกาแล้ว คราวนี้มาดูยูเอฟโอที่ต่างประเทศบ้าง
โดยเป็นเรื่องของ “1976 Tehran UFO incident” เป็นปรากฏการณ์ตรวจ
จับเห็นภาพจานบินขนาดยักษ์ที่เมืองเตหะราน เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน
ในตอนเช้า 19 กันยายน 1976 โดยวันนั้นมีการได้รับรายงานทางโทรศัพท์
จากพลเมือง ว่าพวกเขาพบเห็นสิ่งประหลาดบนท้องฟ้ามีแสงจ้า

และเมื่อทางการตรวจสอบก็พบว่าในช่วงเวลานั้นไม่มีเฮลิคอปเตอร์ ทำให้
ตอนแรกสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพียงดาว หากแต่หลังจากนั้นก็มีรายงานจาก
หอควบคุมที่สนามบินนานาชาติว่า มีเจ้าหน้าที่พบเห็นวัตถุสว่างมากที่มีขนาด
ใหญ่กว่าดาว ทำให้ทางการตัดสินใจที่จะส่งสองเครื่องบินรบ F-4 Phantom II
ออกไปติดตาม โดยระยะทางประมาณ 175 ไมล์ (282 กิโลเมตร) ทางตะวันตก
ของกรุงเตหะราม

จากนั้นเครื่องบินรบก็รายงานเป็นระยะ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า การปรากฏตัวของ
จานบินได้รบกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อยานบินเข้าใกล้มัน ทำให้สื่อสารกัน
ไม่ชัด และแล้วสองเครื่องบินรบก็ได้หายสาบสูญทันทีที่ติดตามมัน ไม่มีการ
พบร่องรอยสองเครื่องบินดังกล่าวเลยแม้แต่เศษซาก จากการสอบถามผู้อยู่
อาศัยก็บอกว่าพวกเขาได้ยินเสียงดังและแสงจ้าเหมือนสายฟ้า




3.2. (Tie) Belgium Incident, 1990




เหตุการณ์นี้คล้ายกับกรณีของเตหะราน อันดับด้านบน แต่ยิ่งใหญ่กว่า
โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 1990 เหตุการณ์โดยรวมคือมีการ
พบคลื่นเรดาร์ประหลาดที่เบลเยียมในช่วงกลางคืน นอกจากนี้ยังมีการถ่าย
ภาพและมองเห็นยูเอฟโอทรงสามเหลี่ยม หรือไฟสามดวงเคลื่อนที่ไปมา
ในกรุงรัสเซลล์ ด้วยไฟมีการเปลี่ยนสีเป็นสีแดง เขียว และเหลื่อง ไฟสามดวง
นั้นเรียงตัวเป็นสามเหลี่ยม โดยประชาชนกว่า 13,500 คน (2600 มีการเขียน
รายละเอียดในสิ่งที่เขาเห็น)

ทำให้ทางการเบลเยียมต้องออกมารายงานรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์
ในวันนั้น และมีการส่งเครื่องบินรบ F-16 ออกไปสังเกตการณ์ และเช่นเคย
คือ มีรายงานที่ติดต่อจากเครื่องบินนั้นสัญญาณถูกรบกวน ก่อนที่จานบินนั้น
จะหายไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อว่าจะมีเครื่องบินในโลกสามารถทำแบบนี้
ได้ และเช่นเคยคือทางการปิดข่าวเช่นเคย

ส่วนรูปข้างบนเป็นรูปถ่ายที่ถูกเผยแพร่ในเดือนเมษายน 1990 เป็นรูปวัตถุบินได้
รูปสามเหลี่ยมและมีแสงไฟแต่ละมุม (ไม่ปรากฏชื่อคนถ่ายภาพ) บางคน
บอกว่านี้คือรูปถ่ายยูเอฟโอที่สมจริงที่สุดเท่าที่เคยมีมา หากแต่บางคนบอก
ว่านี่คือภาพปลอม โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก





2.
Kenneth Arnold’s Mount Rainier, Washington Sighting, 1947




เหตุการณ์เหล่านี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นอย่างแท้จริงของลัทธิเชื่อยูเอฟโอสมัยใหม่
เมื่อนักบินและนักธุรกิจชื่อเคนเนธ อาร์โนลด์ (Kenneth Arnold) จากไอชอดาโฮ
กำลังขับเครื่องบินส่วนตัวจาก อยู่เหนือยอดเขาเรนเนียร์ รัฐวอชิงตัน (เป็นภูเขา
ไฟสงบ สูง 4392 เมตร) เมื่อบ่ายประมาณ 15.00 น. 24 มิถุนายน1947
(สาเหตุที่บินเพราะเขาอยากได้เงินรางวัลที่บอกว่าใครก็ตามที่สามารถชี้เครื่อง
บินของนาวิกโยธินที่ตกในบริเวณยอดเขาแห่งนี้จะได้เงินรางวัล 5000 ดอลลาร์)

และแล้ว เขาได้พบวัตถุชนิดหนึ่งที่บินได้ที่แปลกประหลาด เป็นยานบินรูปจันทร์
เสี้ยว 9 ลำซึ่งพวกมันบินผ่านยอดเขาเรนเนียร์ด้วยความเร็วสูง เมื่อเขาลงจอด
เขาได้แจ้งหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ทราบ โดยเขาบรรยากาศสิ่งที่เขาพบว่า
วัตถุนั้นบินเหมือนกับเราร่อนจานให้กระดอนบินไปบนผิวน้ำ พวกมัน
บินเรียงเป็นแนวเฉียงเหมือนห่านป่า มันแบนเหมือนระทะพาย และมัน
วับเพราะสะท้อนเสียงอาทิตย์เหมือนกระจก

หากแต่หลายฝ่ายบอกว่าอาร์โนล์เฟ้อฝันไปเองมากกว่า สิ่งที่เขาเห็นอาจเป็น
แค่ภาพลวงตา หรือแสงสะท้อนจากวัตถุระยะไกลและบิดเบือนไปเนื่องจาก
สภาพอากาศ แต่กระนั้นเขายังเชื่อว่าสิ่งนั้นคือจานบินจากนอกโลกอยู่ดี
และเรื่องราวของเขาถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์การพบเห็นยูเอฟโอที่ปรากฏใน
รายงานแพร่หลายไปทั่วโลกครั้งแรก เขาได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับจานบินในชื่อ
การมาของจานบิน (The Coming of The Saucers) และไปสัมมนาเกี่ยวกับ
จานบินหลายครั้ง ส่วนในภาพข้างบนเป็นภาพของอาร์โนลด์กำลังแสดงภาพ
วาดวัตถุบินรูปจันทร์เสี้ยวจันทร์





1. Roswell, New Mexico Crash and Recovery, 1947




คงไม่มีเหตุการณ์ครั้งไหนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ต้องยอมรับว่ายิ่งใหญ่
ที่สุด มีการกล่าวขานกันมากที่สุด รวมทั้งมีการโต้แย้งกันยาวนานร่วมครึ่ง
ศตวรรษ จนแม้ในปัจจุบันก็ยังหาข้อยุติไม่ได้?

เหตุการณ์เครื่องบินตกรอสเวลล์ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อกรกฎาคม ปี
ค.ศ.1948 ห้าสิบกิโลเมตรทางตอนเหนือของนิวเม็กซิโก ในเมืองรอสเวลล์
ในบริเวณพื้นที่รกร้างและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์สุดลูกหูลูกตา เกษตรที่แสนจะ
ธรรมดาคนหนึ่งชื่อแม็ค บราเซิล ได้พบวัตถุประหลาด เป็นเศษวัสดุคล้ายไม้
แต่ก็ไม่ใช่ไม้เลยทีเดียว มันมีน้ำหนักทั้งเบาและบางคล้ายแผ่นฟอยล์ ขนาดเล็ก
กระจัดกระจาย เขาติดต่อหน่วยงานทหารในพื้นที่ทันที

ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการก็มาถึง และเก็บวัตถุในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
จนหมด ซึ่งผลจากการตรวจสอบตอนแรกบอกว่าวัตถุที่ตกลงมานั้นเป็นวัตถุที่
ไม่เคยมีอยู่ในโลก และแต่ละชิ้นโลหะมีคุณสมบัติแปลกประหลาด
แต่ถึงอย่างไรเพราะอะไรไม่ทราบสาเหตุ ภายหลังทางการดันกลับคำให้การ
บอกว่าวัตถุที่ตกลงมาเมืองรอสเวลล์นั้นคือหรือบอลลูนตรวจสภาพอากาศ?

เรื่องมันเหมือนจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่หลายฝ่ายไม่ยอมให้จบ เพราะมีหลาย
คนพยายามสืบหาความจริงจากเหตุการณ์นั้น แต่ว่าการสืบดังกล่าวเต็มไป
ด้วยความยากลำบาก เพราะว่าพยานและผู้เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดต่างพากัน
ปิดปากเหมือนกลัวอะไรบางอย่างอยู่ โดยเฉพาะ แม็ค บราเซิล ดูจะอาการ
หนักกว่าเพื่อน เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยตราบจนกระทั่งถึงวันตายของเขา
ในปี ค.ศ. 1963

นอกจากนี้มีพยานบางคนบอกว่าเห็นศพมนุษย์ในห้องผ่าตัดในฐานทัพอากาศ
รอสเวลล์ แต่พยานดังกล่าวได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเสมือนว่าถูกอุ้ม
ถึงกระนั้น การสืบค้นก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ จนในที่สุดก็มีแนวโน้ม
พอที่จะเชื่อว่าแถลงการณ์ของทางการทั้งหมดเป็นเรื่องที่ กุ ขึ้นเพื่อปิดบัง
ไม่ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริง คำถามที่ตามมาก็คือทำไมต้องกลับคำผล
การตรวจสอบ?? แล้ววัตถุบินลึกลับนั้นเป็นจานบินหรือไม่? ไม่มีใครทราบได้
แม้ว่าเหตุการณ์จะล่วงเลยมานานหลายสิบปีแล้วก็ตามแต่หลายๆ ฝ่ายยังหวัง
ว่าทางการสหรัฐจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้

ที่มา : http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=486572&chapter=261#ixzz17QBKR6Yt

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น