วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

ไดโนแมน มนุษย์ใต้พิภพ

ท่านผู้อ่านครับ เคยอ่านเก็ตเตอร์โรบอทหรือเปล่า
เก็ตเตอร์โรบอทหรือถ้าชื่อไทยก็หุ่นยนต์ 3 พลัง(ใช้เปล่าหว่า)เป็นผลงานของเคน(Ken) นักเขียนการ์ตูนรุ่นลายครามของญี่ปุ่น
เนื้อเรื่องคร่าวๆ คือเป็นการต่อสู้ระหว่างมนุษย์โลกกับอาณาจักรไดโนเสาร์ใต้พิภพ โดยมีหุ่นยนต์ประกอบร่าง 3 คนเป็นศูนย์กลาง
เปล่าน่ะ!! วันนี้คนเขียนไม่ได้เอาเรื่องเก็ตเตอร์มาเล่าเพื่อรำลึงถึงความหลังแต่อย่าง ใด แต่ผมจะเล่าถึงที่มาของศัตรูกลุ่มแรกที่เป็นศัตรูกับเก็ตเตอร์ต่างหากล่ะมัน คือมนุษย์ไดโนเสาร์


ความจริงแล้วเรื่องของมนุษย์ไดโนเสาร์นั้นอาจไม่ใช้เรื่องจริงก็ได้ เพราะไม่มีหลักฐานใดๆทั้งสิ้นว่ามันมีอยู่จริง โดยอาศัยจากปากนักวิทยาศาสตร์บางคนที่เผลอปากเล่าสู่กันฟังและความสื่อที่ ออกมาไม่รู้จะจริงหรือไม่เท่านั้นเองครับ โดยพวกสื่อมวลชนมักชอบไปแต่งเรื่องจนมั่วมากขนาดบ้านเราก็มีอยู่ในนิตยสาร แปลกโลกที่มีรูปที่ดูแล้วก็บอกได้ว่า “มั่ว” พร้อมประวัติมั่วๆ มาเล่าสู่กันฟัง

โดยต้นตอของเรื่องนี้คือ…………………………
ที่เทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู ค.ศ. 1996
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเจอมนุษย์ประหลาดตัวหนึ่งในบริเวณที่ตกสำรวจในเทือก เขา เป็นเพศชาย อายุ18 ปี โดยตอนพบกันครั้งแรก มนุษย์ประหลาดพยายามต่อสู้แต่นักสำรวจได้ใช้ลูกดอกอาบยาสลบยิงจนสามารถจับ ได้



จากการสำรวจพบว่ามันเป็นมนุษย์ที่พึลึกกึกกือ มีส่วนสูง 5 ฟุต 4 นิ้ว ส่วนหัวหน้าเหมือนไดโนเสาร์มีครีบใต้คางเหมือนกิ้งก่าตากลมโตเหมือนมนุษย์ต่างดาว ผิวหนังเป็นเกล็ดสีเขียวอมเทาแขนขายาวเก้งก้าง มือแต่ละข้างมี 3 นิ้ว ส่วนเท้ามี 5 นิ้ว ทั้งมือและเท้ามีพังผืดยึดติดไว้คล้ายตีนเป็ด มนุษย์หรือตัวอะไรกันแน่??????????

นักมานุษยวิทยาอเมริกันได้ขอตัวมนุษย์ประหลาดนี้นำไปวิจัยที่ศูนย์วิจัยลับ แห่งหนึ่งทางตอนเหนือของมลรัฐมิชิแกนพร้อมกับตั้งชื่อโครงการวิจัยนี้ว่า “โครงการวิจัยสิ่งมีชีวิตกึ่งคนกึ่งไดโนเสาร์” มันถูกนำเข้าห้องพักที่มีลูกกรงเหล็กรายล้อมรอบ มีโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาพฤติกรรมได้ตลอดเวลา
ผลจากการวิจัย ในระยะแรกมนุษย์ประหลาดไม่ยอมกินอะไร ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน เอาแต่เดินงุ่มง่านภายในที่พัก
ต่อมาเมื่อมันคุ้นเคย เจ้าสิ่งนั้นเริ่มพูดภาษาคนได้ มันเรียกเผ่าตัวเองว่า “พีซะห์”หมายถึงสิ่งสะเทินบกสะเทินน้ำ
อยู่ได้ทั้งที่มืดและที่สว่าง

แต่นักวิทยาศาสตร์และนักมานุษย์วิทยาศึกษาเจาะลึกมากกว่านั้น เบื้องต้นพวกเขาตั้งสันนิษฐานไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ ถิ่นกำเนิด ที่อาศัยของมนุษย์ประหลาดนี้น่ามาจากใต้พิภพโลก เพราะมันมีนัยน์ตากลมโตบ่งบอกว่ามันต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตองอาศัยที่มืด มิด จึงต้องมีม่านตาขยายใหญ้หมือนกับตาของนกฮูกและแมวน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมา อาศัยบนโลกเมื่อหมื่นปีมาแล้ว แต่ต้องลงจอดใต้พิภพ เพราะบนโลกสว่างมากอาจเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกเรามาก่อน เพราะจากการทดสอบมันสามารถอยู่ใต้น้ำนานถึง 3 ชั่วโมง ถึงโผล่มาหายใจเหนือผิวน้ำครั้งหนึ่ง ซึ่งมีรูแบบคล้าย จระเข้ กบ เขียด เป็นต้นมันน่ามีวัฒนาการจากไดโนเสาร์มาเป็นมนุษย์



นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามสอนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวโลกให้กับมนุษย์ประหลาดตัวนั้นทำให้มันตอบสนองได้ในหลายประการ เช่น
--สามารถเรียนรู้ภาษาของชาวโลกได้ 2 ภาษา คือภาษาอังกฤษและสเปน(ไม่มีภาษาไทย) แต่เป็นแค่การเรียนรู้แบบเด็กหัดเดิน
--เป็นนักฟังที่ดี แต่มีการแสดงออกน้อยนิดไม่ค่อยตอบสนองต่อความก้าวร้าว และมีความเมตตา ชอบออกกำลังกายตลอดเวลา
ไม่อยู่นิ่งๆ
--วัดไอคิวอยู่ที่ 80-85 น้อยกว่าของมนุษย์โลก แต่มากกว่าของสัตว์ ตรงนี้ทำให้เชื่อว่ามันน่าอยู่ระหว่างรอยต่อของความเป็นไดโนเสาร์กับมนุษย์ มันชอบกินอาหารประเทศสัตว์ขนาดเล็ก เช่น งู หนอน หนู และพวกพืชก็รากไม้สดๆ
--มันส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาได้ 4 ระดับเสียง คือเสียงหวีดร้อง คำราม ตะโกน เสียงที่เปร่งอยู่ระดับ125 เดซิเบล คาดว่าพวกมันน่าจะสื่อสารทางเสียงมากกว่าภาษาและท่าทาง
--และนักวิจัยนี้ได้เรียกมันว่า “ไดโนแมน”

น่าเสียดายนักที่โครงการวิจัยนี้เป็นความลับสุดยอด(ยังอุตสาห์ปล่อยออก สู่ภายนอกอีกนะ) เราทราบเรื่องของมันเล็กน้อยจากนักวิทยาศาสตร์ที่เปิดปากให้ฟังเท่านั้นเอง



ทฤษฎีมนุษย์ไดโนเสาร์

ความจริงแล้วมนุษย์ไดโนเสาร์นั้นมีมานานแล้วครับ
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าถ้าเจ้าไดโนเสาร์ชื่อ “โนนิโคซอรัส” ไม่สูญพันธุ์ไปก่อน(สูญพันธุ์เมื่อ 65 ล้านปี)ละ มันก็จะวิวัฒนาการกลายเป็นมนุษย์ไดโนเสาร์แน่นอน
**แล้วทำไมเจ้าโนนิโคซอรัสถึงวิวัฒนาการได้แค่ชนิดเดียว ในขณะที่ไดโนเสาร์พันธุ์อื่นๆ ไม่วิวัฒนาการละ
นั้นก็เพราะเจ้าโนนิโคซอรัสนี้มีลักษณะแตกต่างจากไดโนเสาร์อื่นๆ นั้นเองครับ
หนึ่งคือมันฉลาด และที่สำคัญคือมันสามารถใช้เท้าหน้าหยิบจับสิ่งของได้นั้นเอง
(ก็เหมือนทฤษฎี ที่ว่าทำไมแมลงสาปไม่สามารถเป็นเจ้าโลกได้)


สรุปคือดีน่ะที่มันสูญพันธุ์ไปก่อนไม่งั้นมันอาจเป็นศูนย์ของมนุษย์ชาติเหมือนเรื่องเก็ตเตอร์โรบอทแน่แท้



ที่มา
:
http://www.mythland.org/v3/thread-3304-1-11.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น