วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

แผนลับลวงพรางจานบินต่างดาว


จานบินและมนุษย์ต่างดาวเป็นหนึ่งในเรื่องลึก ลับที่หลายคนไม่ยอมรับว่าพวกมันมีอยู่จริง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการ พวกเขาพยายามหาข้อพิสูจน์มาหักล้างหลักฐานของฝ่ายตรงข้ามเสมอมา ซึ่งข้อพิสูจน์หลายอย่างเป็นเพียงความเป็นไปได้ตามทฤษฎีเท่านั้น หาได้เป็นบทสรุปของเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จานบินต่างดาวตกในเมืองรอสเวลล์ (Roswell) เมื่อปี 1947 หน่วยงานราชการสหรัฐหลายแห่งโดยเฉพาะกองทัพอากาศสหรัฐรีบออกมาปฏิเสธข่าวดัง กล่าว ทั้งๆที่ผู้พบเห็นเศษซากจานบินและเป็นผู้ให้ข่าวนั้นเป็นถึงนายทหารชั้น สัญญาบัตร สังกัดหน่วยรบพิเศษกองบิน 509 ซึ่งเป็นหน่วยรบที่รับผิดชอบภารกิจลับสุดยอดที่สุดในสงครามโลกครั้ง 2 นั่นคือการนำระเบิดปรมาณูไปหย่อนลงบนเกาะฮิโรชิมาและนางาซากิ
วันที่ 6 กรกฎาคม 1947 ฐานทัพอากาศรอสเวลล์ส่งพันตรีเจสซี่ มาร์เซล (Jesse Marcel) เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับกองทัพอากาศ และนาวาอากาศเอกเชอริดาน คาวิตต์ (Sheridan Cavitt) เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ Counter Intelligent Corps (CIC) ไปสืบสวนเหตุการณ์ตามที่ได้รับแจ้ง
วันที่ 7 กรกฎาคม แม็ค บราเซล (Mack Brazel) พยานผู้พบเหตุพาพันตรีเจสซี่และนาวาอากาศเอกเชอริดานไปยังที่เกิดเหตุ วันที่ 8 กรกฎาคม พันเอกวิลเลี่ยม บลานชาร์ด (William Blanchard) ผู้บังคับบัญชาของเจสซี่ มาร์เซล เขียนข่าวแจกแถลงเรื่องการพบจานบินต่างดาวส่งให้สื่อมวลชนทุกสาขา ข่าวด่วนได้ออกอากาศตามสถานีวิทยุเวลา 11.00 น. และแพร่สะพัดไปทั่วสหรัฐอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังการออกข่าว เจสซี่ถูกเรียกตัวด่วนให้เดินทางไปยังฟอร์ตเวิร์ธ (Fort Worth) โดยทันที เพื่อพบกับนายพลโรเจอร์ เรมีย์ (Roger Ramey) ผู้บัญชาการทหารอากาศที่ 8 แล้วเรื่องราวที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ก็ถูกพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เจสซี่ถูกบังคับให้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่าเขาเข้าใจผิด สิ่งที่เขาเข้าใจว่าเป็นจานบินแท้ที่จริงแล้วคือลูกบอลลูนตรวจอากาศธรรมดาๆ
อย่าลืมว่าพันตรีเจสซี่สังกัดหน่วยรบพิเศษ ปฏิบัติภารกิจลับสุดยอด ไม่ใช่ทหารรับใช้หรือทหารคนสนิทผู้หลักผู้ใหญ่ที่วันๆอยู่แต่ในคฤหาสน์หรือ ตามสนามกอล์ฟ เขาถูกฝึกให้แยกแยะวัตถุบินได้ทุกชนิดที่สร้างโดยมนุษย์ ถ้าผิดพลาดขนาดแยกความแตกต่างระหว่างลูกบอลลูนกับจานบินไม่ได้ก็ต้องสั่งปลด ให้ไปไถนาแทนควายได้อย่างไม่ต้องคิดเสียดาย

ปฏิบัติการดิสเครดิต
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการหลายคนหาเหตุผลมาโต้ แย้งกับหลักฐานของเจสซี่และพยานคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยอธิบายตามหลักวิชาการ มีหลักฐานที่หามาทีหลังยกมาประกอบจนคนฟังเคลิบเคลิ้มเออออห่อหมกไปด้วยอย่าง ลืมตัว
กองทัพสหรัฐออกแถลงการณ์ว่าลูกบอลลูนตกลงสู่พื้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ขัดแย้งกับคำให้การของแม็ค บราเซล ผู้พบซากจานบินคนแรกซึ่งเขาบอกว่าพบเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม แจ้งความกับตำรวจวันที่ 6 กรกฎาคม คำให้การของชาวไร่จนๆคนหนึ่งไม่มีน้ำหนักเท่ากับแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ของกองทัพสหรัฐ ถ้าเรื่องวันที่เกิดเหตุการณ์ไม่ใช่ตามที่แม็ค บราเซล บอกแล้วเรื่องอื่นๆที่เขาเล่าจะเชื่อถือได้อย่างไร
คนที่เชื่อว่าพันตรีเจสซี่ตาถั่วเห็นบอลลูนเป็นจานบินอาจลืมคิดไปว่าพัน ตรีเจสซี่พบเศษซากจานบินเกลื่อนกลาดทุ่งหญ้ากินเนื้อที่เกือบตารางกิโลเมตร ในขณะที่ลูกบอลลูนที่กองทัพอากาศสหรัฐนำมาแถลงข่าวนั้นมีขนาดราว 12 ฟุตเท่านั้น
หลังจากนั้นอีกกว่า 30 ปีจึงมีหลักฐานใหม่ขึ้นมาอีกชิ้น ในปี 1984 เอกสารลับขององค์กรลับที่ชื่อว่า Majestic 12 หรือ MJ12 ผุดขึ้นต่อสาธารณชน เอกสารฉบับนี้ระบุว่ามีการศึกษาจานบินและมนุษย์ต่างดาวที่พบที่รอสเวลล์ เมื่อปี 1947 มันถูกใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่ามีจานบินตกในรอสเวลล์จริง
ฝ่ายที่เชื่อเรื่องจานบินมีจริง เฮอยู่ได้ไม่นานก็มีการพิสูจน์ว่าเอกสารลับ MJ12 ฉบับนี้เป็นของปลอม สรุปว่าเมื่อตัวเอกสารปลอมเรื่องราวที่อยู่ในเอกสารก็เป็นเรื่องไม่จริงด้วย แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว การที่เอกสารฉบับนั้นเป็นของปลอมมันบอกแค่เพียงเอกสารฉบับนั้นปลอมเฉยๆ มันไม่ได้พิสูจน์ว่า MJ12 ไม่มีจริงหรือเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
อารมณ์ประมาณว่าผมเอาบัตรประชาชนปลอมยัดใส่กระเป๋าคุณแล้วเรียกตำรวจจับ ตำรวจพบบัตรประชาชนปลอมสรุปว่าคุณไม่ใช่คนไทย ซึ่งมันไม่ถูกต้องตามหลักตรรกะเท่าไรนัก บัตรประชาชนปลอมก็คือบัตรประชาชนปลอม เป็นคนไทยหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับการมีบัตรประชาชนปลอม
ปี 1994 กองทัพอากาศสหรัฐเผยแพร่รายงานเอกสาร The Roswell Report : Case Closed เปิดเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองรอสเวลล์เมื่อปี 1947 ใจความสรุปว่าสิ่งที่พบในทุ่งหญ้าแท้ที่จริงแล้วมันคือลูกบอลลูนสอดแนมที่ ใช้ในปฏิบัติการโมกูล (Project Mogul) ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอก แต่มันติดตรงที่เหตุการณ์ล่วงเลยมาตั้ง 50 ปีแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาบอก

ปฏิบัติการตั้งธง
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังทำกันอยู่นั้นไม่ใช่การค้นหาความจริง หากแต่เป็นการตั้งธงเอาไว้ล่วงหน้าว่าจานบินและมนุษย์ต่างดาวไม่มีจริง หลังจากนั้นก็หาเหตุผลและหลักฐานมาสนับสนุน หลายครั้งที่หลักฐานฝ่ายเชื่อเรื่องจานบินนำหยิบยกขึ้นนั้นชวนให้กังขาน่า สงสัยแต่คำอธิบายของฝ่ายที่ไม่เชื่อนั้นก็ตอบคำถามไม่ตรงประเด็นเช่นเดียว กัน
สแตนตัน ฟรายด์แมน (Stanton Friedman) ไม่ใช่ตาสีตาสาด้อยการศึกษา เขาเป็นนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ทำวิจัยโครงการลับสำคัญๆเกี่ยวข้องกับพลังงานนิวเคลียร์ให้กับบริษัทยักษ์ ใหญ่ของโลกหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น GE GM Westinghouse และ Aerojet General Nucleonics สแตนตันอุทิศตนเองค้นคว้าเหตุการณ์พบเห็นจานบินมานานกว่า 50 ปี
สแตนตันไม่ได้นั่งเทียนเขียนทฤษฎีเหมือนกับนักเปิดโปงเรื่องแหกตาบางคน เขาเดินทางทั่วโลกไปยังสถานที่เกิดเหตุ สัมภาษณ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเอง หลายครั้งที่สแตนตันต้องหัวร่องอหายกับคำอธิบายของนักวิทยาศาสตร์กับ เหตุการณ์ผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้น
หลายปีก่อนสายการบิน JAL เผชิญหน้ากับวัตถุบินได้ลึกลับขนาดใหญ่กว่าเครื่องบินพาณิชย์ 2 เท่าตัว บินวนอยู่รอบๆเครื่องบินขณะที่บินอยู่เหนืออะแลสกา ศูนย์บัญชาการการบินภาคพื้นดินก็เห็นวัตถุนั้นบนจอเรดาร์ แต่พวกที่ไม่เชื่อเรื่องจานบินบอกว่ามันคือดาวพฤหัส มันเป็นคำอธิบายที่ช่างน่าขันสิ้นดี เรดาร์บ้านใครจะตรวจจับดาวพฤหัสได้

ยูโฟโกยูเอ็น
หลายวันก่อน มาริโอ บอร์จฮีซิโอ (Mario Borghezio) วุฒิสมาชิกสภาผู้แทนสหภาพยุโรปเสนอญัตติต่อประเทศสมาชิก 27 ประเทศให้เปิดเผยเอกสารลับเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับ โดยอ้างถึงการประชุมสุดยอดองค์การสหประชาชาติครั้งที่ 33 ซึ่งเขาได้เคยหยิบยกเรื่องนี้เข้าในที่ประชุมมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 1978
การเสนอญัตติต่อที่ประชุมองค์การสหประชาชาติจะต้องเป็นญัตติระดับประเทศ มีผู้นำประเทศใดประเทศหนึ่งให้การรับรอง มาริโอจึงติดต่อกับอีริค ไกรีย์ (Eric Gairy) นายกรัฐมนตรีเกรเนดา ผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องจานบินต่างดาวเช่นเดียวกันให้เป็นผู้รับรองญัตติ
ผู้ที่เข้าร่วมอภิปรายในครั้งนั้นประกอบด้วย ดร.โจเซฟ อัลเลน ไฮเน็ก (Josef Allen Hynek) อดีตนักบินอวกาศ ที่ปรึกษาเรื่องวัตถุบินลึกลับของกองทัพอากาศสหรัฐและเป็นผู้บัญญัติศัพท์คำ ว่า Close Encounter หรือการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว จาคส์ วัลลี (Jacques Vallee) นักบินอวกาศชาวฝรั่งเศส คล็อด โพเฮอร์ (Claude Poher) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวัตถุบินลึกลับฝรั่งเศส เดวิด ซอนเดอร์ (David Saunders) อดีตสมาชิก Condon Committee หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐที่ทำหน้าที่เปิดโปงเรื่องแหกตาเกี่ยวกับจานบิน กอร์ดอน คูเปอร์ (Gordon Cooper) อดีตนักบินอวกาศองค์การนาซ่าและพันโทลาร์รีย์ คอยเน่ (Larry Coyne) ผู้เผชิญหน้ากับจานบินในระยะกระชั้นชิดเมื่อปี 1973
โชคไม่ดีที่นายกรัฐมนตรีอีริคถูกมอไรซ์ บิชอป (Maurice Bishop) ยึดอำนาจเสียก่อนในปี 1979 ทำให้ญัตติต่างๆที่ประเทศเกรเนดาเป็นผู้เสนอต่อองค์การสหประชาชาติถูกพับ เก็บเข้าลิ้นชักไปโดยปริยาย
30 ปีผ่านไป แต่มาริโอยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ หากเขาโน้มน้าวให้สหภาพยุโรปลงนามยอมเปิดเผยเอกสารลับได้ก็เชื่อได้ว่าหลัง จากนั้นอีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะถูกหยิบยกเข้าสู่ที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ อีกครั้ง เรื่องราวต่างๆที่เคยเป็นความลับก็จะค่อยๆผุดขึ้นมาซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ที่ รอสเวลล์เมื่อปี 1947 ด้วยเช่นกัน

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 5  ฉบับ 266 วันที่ วันที่ 3 – 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553  หน้า 46 คอลัมน์ ร้ายสาระ โดย ศิลป์ อิศเรศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น