คำอธิบายในขณะนี้
--------------------
เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ ด้วยเหตุผลว่า ในจักรวาลของเรา มนุษย์มีความสามารถ
รับรู้ได้ 4 มิติ (กว้าง x ยาว x สูง = 3 มิติ + เวลา = 4 มิติ) ทางทฤษฎี ได้พบว่า
กาล-อวกาศ อาจมีมากกว่า คือ เวลา 1 มิติและอวกาศอีก 10 มิติ รวมเท่ากับ
11 มิติ โดย 6 มิติ (ที่มากกว่า) เรียกว่า Extra-dimension (มิติพิเศษ)
รวมความแล้ว เป็นรากฐานการเกิดขึ้น เป็นทฤษฎี เครือข่าย (หลาย) จักรวาล
(Multiverse) ซึ่งอาจฟังดูยุ่งยากและซับซ้อน ทั้งนี้โดยมีสมมุติฐานมาจากด้าน
จักรวาลวิทยา ด้านฟิสิกส์ ร่วมทั้งด้านดาราศาสตร์ ด้านปรัชญา หรือแม้กระทั่ง
ความคิดจาก นวนิยายทางวิทยาศาสตร์ที่เพ้อฝัน เพื่ออธิบายถึง จักรวาลคู่ขนาน
(Parallel universes) จักรวาลควอมตัม (Quantum universes) หรือทะลุมิติ
(Interpenetrating dimensions) เป็นต้น
ตลอดเวลา 50 ปี นักวิทยาศาสตร์ พยายามค้นหา หลักฐานทางสมการด้านมิติ
ในที่สุดพบว่าเป็นไปได้แต่การทดลองในห้องปฎิบัติการยังไม่บรรลุผลสมบูรณ์
หากเป็นดังเช่นนั้น มนุษย์โลก ก็อาจใช้ประโยชน์จากการเดินทาง ข้ามมิติได้
อย่างเหลือเชื่อ ไปในที่ห่างไกลในเพียงวินาที เช่นดังในภาพยนต์ (แต่ไปที่
ไหนไปแล้วมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ กลับมาได้อย่างไร ยังไม่สามารถจิตนาการได้)
และการเปลี่ยนแปลงตน ในสภาวะต่างมิติ จะกระทำได้ด้วยแบบใด มีอันตราย
เพียงใด ทั้งหมดคงยังเป็นสมมุติฐาน
ถ้ามิติพิเศษมีจริง มนุษย์อาจมองไม่เห็น
(Invisible universal) ยกเว้นว่ามีความ
ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก จึงจะมีสามารถสืบค้นได้ แต่จะมีความยุ่งยากต่อ
ความเข้าใจ เพราะการปรากฎขึ้น จะอยู่บนเงื่อนไขด้านฟิสิกส์ที่ต่างจากบนโลก
เกือบสิ้นเชิง เช่น มีสิ่งที่มีความเร็วมากกว่าแสงนับร้อยเท่า,ระบบดำรงชีพไม่มี
เลือดเนื้อเช่นมนุษย์ แต่คงอยู่ได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าธรรมชาติ, ในอวกาศไม่เคย
มีที่สิ้นสุด, ความดำรงอยู่แบบกลับหัวกลับหาง, การเดินทางที่ไม่ต้องเคลื่อนไหว
นี้คือตัวอย่าง ที่เริ่มเข้าใจยากขึ้นแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น