วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

Dots connector

(ข้อมูลเหล่านี้แปลแบบสรุปอย่างย่อมากๆ จาก Levashov ebook   และ ebook - slavonic Aryan Vedas เล่มนี้ ที่แปลจากภาษา รัสเชีย ซึ่งต้นฉบับมาจากภาษารูน(Rune)  ถ้าตกหล่นประการใดก็ขออภัย หรือสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ที่ลิ้งของเขาที่แปะไว้หน้าบล๊อกครับ )


     ประวัติศาสตร์ เป็นคำที่คนในยุค ปัจจุบันเรียกกัน แต่ในยุคโบราณแล้วมันเป็นความรู้ดั้งเดิมของมนุษย์ที่บอกต่อๆกันมา


     เกี่ยวกับภาษารูนนิดนึง ภาษารูน(Rune) เป็นภาษาเก่าแก่ภาษาดั้งเดิมของมนุษย์ และยังเชื่อกันว่าเป็นภาษาของพระเจ้า ในอักขระ ทุกตัวอักษรนั้นมีพลังเพราะมันไม่ใช่เพียงแค่ตัวอักษรตัวใดตัวหนึ่ง เท่านั้น แต่มันเป็นส่วนประกอบของภาพสามมิติ และเป็นภาษาที่เข้าใจหรือทะลุทะลวง

ใน 3 โลก คือ Materialworld, spiritual world ,God world

คนที่จะอ่านได้และเข้าใจ ต้องเป็นคนที่มี consciousness สุง มีความคิดที่เป็นบวกการออกเสียงนั้นจะต้องมีการฝึกการหายใจเพราะเป็นการพูด ที่ใช้พลังเสียงออกมาจากภายใน ภาษารูนในยุคนี้หายสาปสูญไปแล้วเพราะคนที่อ่านแบบเข้าใจนั้นไม่มี เพราะพวกปรสิต(Reptilians)คนโบราณเรียกกันอย่างนี้

ทำลายหลักฐานเกือบหมด แต่ยังมีบางส่วนที่ถูกเก็บอย่างดีไว้ในที่ลึกลับเพื่อให้พ้นหูพ้นตาจาก พวกปรสิต โดยสลักไว้บนแผ่นทองคำ

ชาวอารยัน (Aryan)เป็นผู้ที่เริ่มต้นใช้ ภาษารูน





....กำเนิดโลกและจักรวาล....

จากภาษารูนที่เขียนบอกเล่าไว้เป็นคำอธิบายที่ให้มนุษย์อย่างเราเข้าใจได้ ง่ายที่สุด (แต่กระบวนการคงซับซ้อนเกินความเข้าใจของมนุษย์อย่างเรา)ว่าพระเจ้า เป็นผู้สร้างจักรวาลและทุกสิ่ง แรกเริ่มนั้น พระเจ้า หายใจ ออกมาเป็นแสงสว่าง เป็นแสงสว่างที่ไม่มีวันดับ และแสงนี้ แตกกระจาย ออกไป ไกลและไกลออกไปเรื่อยๆ บางส่วน ทะลุเมฆดำจนทำให้เกิดเป็นแสงสว่างจ้าถาวร และบางส่วนก็แตกกระจายออกไปเรื่อยๆ และส่วนที่ออกมาจากความสว่างนั้น ยิ่งไกลจากพระเจ้าออกไปส่วนต่างๆเหล่านั้นก็เกิดเป็นระดับที่จับต้องได้ หรือ Materialworld ส่วนที่อยู่ไกล้พระเจ้าเข้ามาคือ spiritual world และส่วนที่อยู่ในบริเวณของพระเจ้า คือ God world แต่ละระดับก็มีจำนวน Dimension ที่ต่างกัน และ มีหลาย universe



**กำเนิดมนุษย์**

แสงสว่างที่ออกมาจากพระเจ้า นั้น project มนุษย์ หรือเรียกอีกทีให้เข้าใจว่าเป็นเสมือนกระจกเงา แต่มนุษย์ที่พูดถึงนั้นเป็นมนุษย์ที่อยู่ในระดับ God world คือส่วนหนึ่งของพระเจ้า

มนุษย์ผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นพระเจ้า พระเจ้าได้ project มนุษย์อีกหลายเผ่าพันธ์ ในระดับ spiritualworld และมนุษย์จากระดับspiritual world

project มนุษย์ ใน Material world และมนุษย์ใน Material world บางส่วนที่มีระดับ spiritual ที่สุง เรียกว่า demigod ซึ่งเป็นผู้สร้าง

สัตว์ และสิ่งมีชีวิตในโลก ในระดับ Material world มี demigod ผู้ที่มีระดับ spiritual ที่สุงสุดกว่าคนอื่น ชื่อ Svarog

Svarog (ภรรยาชื่อ Lada ) มีบุตรชาย ชื่อ Dajdbog , Dajdbog (ภรรยาชื่อZhiva,Zlatogorka,Marena )มีบุตรชายชื่อ perun(ภรรยาชื่อ Diva) เผ่าพันธ์มนุษย์สืบเชื่อสายมาจาก perun



***สงครามระหว่างDark and light ***



นานมาแล้ว ที่ โลก Arleg (ระดับ Material world ที่มีระดับ spiritual ที่สุง )

เป็นที่อาศัยของ Messengerหรือผู้ส่งสาร ที่นี่มี 256 Dimension

มี demigod ผู้หนึ่งชื่อว่า Chernobog ผู้ที่ไม่ต้องการทำตามกฎ (เพราะการที่จะไต่ระดับ ไปสู่ spiritual world หรือ God world

นั้น ต้องเป็นไปตามกฏเกณท์ Chernobog เป็นชนชาวผิวดำ( Black demigod) ต้องการไต่ระดับไปตามทาง Golden way

ขยายความ Goldenway ซักนิด นั้น เป็นทางเชื่อม โลก3โลก เข้าด้วยกัน มีอยู่ทุก universe ,galaxy ,planet.

แม้แต่โลกเราก็มี Goldenway

ชาวอารยัน (Aryan)นั้นรู้ความลับนี้เป็นอย่างดี

จึงมีการทำสงครามกันระหว่าง Belobog (white demigod) และ Chernobog( Black demigod)

และมีการทำสงครามกันเรื่อยมา ทุกๆ 4000 ปี เป็นสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน



****ที่มาของมนุษย์บน โลก ****



ในช่วงสงครามนั้น มียานแม่ ชาวอารยันเรียกว่า Vaitmara และในยานแม่นี้มียานลำเล็กข้างในเรียกว่าVaitmana ทั้งหมด 144 ลำ

เกิดเสีย และลงจอดที่ Planet earth หรือโลก ที่ continent (แถบขั้วโลกเหนือปัจุบัน) ในเวลานั้นยังไม่เกิด polar shift

ที่นั่นจะอุณหภูมิคล้าย กรีซ และอิตาลี ปัจจุบัน



ข้างในมีชนผิวขาวอยู่ 4 เผ่า

กลุ่มแรก ชื่อ Aryan มี2เผ่าคือ Da'aryan และ H'aryan

กลุ่มหลัง ชื่อ Slav มี2เผ่าคือ Rassen และ sretorus



แต่ละเผ่ามีลักษณะ สีของดวงตา ต่างกัน Da'aryan มีดวงตาสี เทา H'aryan มีดวงตาสี เขียว

Rassen มีดวงตาสี น้ำเงิน sretorus มีดวงตาสีน้ำตาล



ทั้ง 4 เผ่านี้มาจากกลุ่มดาว Beta Leo Star System galaxy นี้ มีดาวดวงนึงที่มีลักษณะเหมือนโลก ชื่อว่า Ingard- earth

Ingard หมุนรอบตัวเอง 576 วัน และ มี ดวงจันทร์ 2ดวง ดวงนึงเล็ก ดวงนึงใหญ่ ดวงใหญ่ หมุนรอบ Ingard 36 วัน

ส่วนดวงเล็ก 9 วัน

หลังจากที่ซ่อมยานเสร็จมีบางส่วนที่กลับดาว Ingard และมีบางส่วนที่อาศัยอยู่ที่นี่และ เรียกโลกใบนี้ว่า Midgard-earth

ต่อมาก็มีการเข้ามาอาศัยอยู่ในโลกนี้เรื่อยๆ จากดวงดาวต่างๆ อีก3กลุ่มบ้างมาตามทาง Golden way (ประตูมิติ) บ้างก็มาโดยยานลำเลียง

3กลุ่มหลังที่มา มีชนผิวเหลือง ผิวแดง และผิวดำ

ชนผิวดำนั้น Aryanสงสารและนำพวกเขามาอาศัยที่นี่เพราะดาวของพวกเขาถูกทำลาย จากสงคราม

และ เรียกลูกหลานของมนุษย์ที่เกิดที่นี่ว่า As


     ก่อนมี Homosapiens ได้ Humannoid อีกจำพวกนึงคือNeanderthalแล้วทั่วทุกหนแห่ง ยกเว้นที่ continentเพราะมีทะเลล้อมรอบ

Neanderthalครองโลกนี้อยู่หลายแสนปี ที่เรียกว่าครองโลกคือว่าพวกนี้เป้นพวกที่มีพละ กำลังมหาศาลไม่มีใครต่อกรได้ นอกจากเสือเขี้ยวดาบ

และประมาณ 4 หมื่นปีก่อน มี homo sapiens ในหนังสือเขาบอกว่า appear คือไม่รู้ที่มาของ homo sapiens แม้นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้เพราะไม่พบหลักฐาน missing link พบฟอสซิลที่พบอยู่ทั่วไปหลายแห่งนั้นมีอายุเท่ากันทั้งหมดมี 4 race ฟอสซิลกระโหลกศรีษะเหล่านี้มีลักษณะที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย และมาจาก สายพันธ์เดียวกัน และไม่เคยมีการค้นพบโครงกระดูกระหว่างวิวัฒณาการจากNeanderthal- Homo sapiens


    มีการเช็ค dna ระหว่าง Neanderthal(ที่พบร่างอยู่ไต้น้ำแข็งบนภูเขาCalpine glacier) และHomo sapiens ปรากฏว่าไม่ได้มาจากสายพันธ์เดียวกัน เช่นเดียวกับ ลา และม้า ที่มีลักษณะคล้ายกันแต่คนละสายพันธ์ และถ้ามีการสืบเผ่าพันธ์ได้ นั่นหมายถึงว่าถ้า Neanderthal สืบพันธ์

กับ Homo sapiens ลูกที่ออกมาจะไม่สามารถสืบเผ่าพันธ์ได้อีก(เป็นหมัน) เช่นเดียวกันกับล่อที่ไม่สามารถสืบพันธ์ได้ต่อไป

       ส่วน Homo sapiens ที่พบกระโหลกที่ต่างกันนั้นสามารถสืบเผ่าพันธ์ต่อไปได้ (Compatible)

หลังจากนั้น ประมาณอีก1000 ปี Neanderthal ก็สูญพันธ์แบบที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม Neanderthal ผู้แกร่งกล้า{supreme predator}จึงสูญพันธ์

ซึ่งเมื่อเทียบกับ Cro-Magnonอ่อนแอกว่า และไม่มีขนปกคลุมร่างการให้ความอบอุ่นเหมือน Neanderthal


   Perun demigod ผู้มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลประชากรที่อยู่ในโลกนี้ เป็นผู้ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอณาคตของโลกใบนี้ว่า

Galaxy นี้มีรูปร่างเหมือน swastika ทุกๆ 1000 ปี ซีกหนึ่ง ของ Galaxy จะโคจรเข้าไปในก้อนเมฆ เป็นระยะเวลา1000ปี

ซึ่ง เป็นข้อตกลงในการยุติสงครามชั่วคราวกับ ปรสิต (dark side) และเผ่าพันธ์มนุษย์ light side จะเข้ามายังโลกไม่ได้จนกว่าจะครบกำหนด

1000 ปี และในขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เกือบครบกำหนด 1000ปี Galaxy นี้เริ่มเคลื่อนออกมาจาก เงาเมฆ

  เชื่อ กันว่า ภายในปี 2012 นี้ ฝ่าย light side จะเริ่มเข้ามา ซึ่งนั่นหมายความว่าจะมีสงคราม(star war)อีก และมีบางส่วนที่เข้ามารอบ้างแล้ว และนานแล้ว แต่ยังรอเวลา

ทั้งส่วนที่เป็นฝ่ายพันธมิตร (ชนผิวเหลืองและแดง) และจอดยานแม่ไว้ในหุบเขา(ในหนังสือบอกว่าที่ลึกลับบนเขา) คืออีก

Dimension ที่มนุษย์มองไม่เห็น และตอนนี้จะเห็นได้ว่าพวกปรสิตมันกำลังเตรียมการ ในสงครามครั้งนี้

ย้อนกลับไปอีกนิดนึง ทำไมพวกจาก Dark force สนใจและไม่ยอมทำลายและละทิ้งโลกนี้ไป เพราะแร่ธาตุที่อยู่บนโลกนี้ ก็ถูกขุดขึ้นมาใช้เกือบ หมดแล้ว โดยเฉพาะทองคำ (สำหรับพวก Dark force ที่อยู่อีกมิติหนึ่ง(cosmic parasite -พวกที่ควบคุมพวกที่มีร่างกายเรียกอีกที ก็คือ เจ้านายของพวกที่มีร่างกาย) จะยังชีพด้วยพลังงานจากทองคำ)
พวก Dark force เคยขุดหาแร่ธาตุ จากดาวต่างๆ บุกรุก และทำสงคราม นำมนุษย์(จากดาวนั้นๆ) บางส่วนมาเป็นทาส โดยการควบคุมและลบล้างความทรงจำ (โดยการแผ่รังสีชนิดนึง อันนี้ผมจำไม่ได้ ขอกลับไปอ่านอีกทีแล้วค่อยมาเติมนะครับ) ใช้ในการขุดหาแร่ธาตุ และหลังจากขุดแร่ธาตุดาวดวงนั้นๆ หมดแล้ว ก็จะทำลายดาวดวงนั้นๆทิ้ง แล้วก็ค้นหาแหล่งไหม่ไปเรื่อยๆ
(หมายเหตุ มนุษย์ของดาวแต่ละดวงมีศักยภาพ และ consciousness ในระดับต่างกัน ในสงครามก็มีดาวบางดวงมนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นั่น
อ่อนแอกว่า ก็ถูกพวก Dark force ยึดครอง )

*ส่วนโลกใบนี้ แร่ธาตุถูกขุด เกือบหมดแล้ว แต่ที่พวกนี้ ยัง สนใจอยู่ไม่ยอมไปจากที่นี่หรือทำลายทิ้ง โลกใบนี้ วิเศษตรงไหน

เพราะว่าที่นี่ มี Source of life

Source of life คือ crystal -generator เป็นพลังงานฟรีที่เข้มข้น และมีพลังงานมหาศาล ให้พลังกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และที่สำคัญสามารถ improve gene และ improve consciousness ได้ เพราะโลกใบนี้เป็นเหมือนศูนย์รวมของหลายเผ่าพันธ์ ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์การเรียนรู้ ทางด้าน spiritual (เพราะจุดเริ่มต้นของ golden way วางไว้ที่โลกใบนี้)

Source of life มาจากพลังงานต้นกำเนิด หรือว่าพระเจ้านั้นเอง Source of life สามารถ improve gene ของสิ่งมีชีวิตทุกชิด ดังนั้นเองพวก Dark force ก็ต้องการครอบครองเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดาวทุกดวงจะมี Source of life และ Source of life ไม่ได้กำเนิดขึ้นเองในโลกใบนี้ ชาวอารยัน บันทึกไว้ว่า Demigod จาก light force ได้นำมาไว้ที่โลกใบนี้ เมื่อ 50,000 ปีก่อนที่ continentจมลงสู่มหาสมุทร

โดยใส่ Source of life ลงไปลึกในใจกลางโลก โดยมีทางเข้า กลางป่าลึกแห่งหนึงแถบยุโรป หน้าทางเข้าจะมีคนเฝ้าประตู ชาวอารยัน เฝ้าอยู่ แต่ไม่มีกุญแจ หรือรู้รหัสทางเข้า ที่นี่เคยมี Dark force ส่งคน(bio robot)เข้าไปก่อกวน เกือบ 200 คน แต่ทางฝ่าย light force ได้ส่งชาวอารยัน หรือคนของฝ่าย light ที่มีความรู้ความสามรถในการต่อสู้ (คล้ายๆกับนินจาที่เรารู้จักกัน)ในจำนวนเรียกได้ว่า 1/100 ได้กำจัดพวก Dark force ราบคาบ

ที่นี่พวก Dark force ไม่กล้าบุกรุกเต็มที่ เพราะ light side demigod ปกป้อง Source of life โดยการ ให้ light force จอด vaitmana หลายลำเทียบท่าบน cosmos เพื่อเฝ้าระวังและจับตาดูตลอดเวลา


พลังงานของ Source of life ได้กระจายไปตามที่ต่างทั่วโลก มากบ้า้งน้อยบ้าง และก้อขึ้นอยู่กับวิธีการดึงมาใช้ และโดยธรรมชาติเอง พืช ต่างๆ ที่อาศัยอยู่บนพลังงานของ Source of life โดยตรงพวกเขาก็จะเจริญเติบโตและมีขนาดใหญ่มากกว่าปรกติ

levashov เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการ รู้จักวิธีดึงพลังงานของ Source of life มาใช้กับพืชที่เขาปลูกอย่างน่าทึ่ง ทั้งที่พืชบางชนิดไม่สามารถเจริญเติบโตในเขตหนาวได้เลย แต่กลับเจริญเติบโตและมีขนาดใหญ่กว่าปรกติ โดยไม่ใส่ปุ๋ยใดๆ

*หมายเหตุ บางส่วนของข้อความได้มาจากแหล่งอื่น บางส่วนจากในหนังสือของ levashov

nent   (white race ตั้งชื่อว่า Da’Arya)  จม นั้นหมายถึงว่า white race เข้ามาอาศัยบนโลกนี้แล้ว(ที่ continent ) ประมาณ370,000 ปี นับเวลาจากที่ ระดับ white race ทั้งสี่เผ่าได้นำยาน viatmaras ลงจอดทีี่ continent เมื่อ 500,000 ปีก่อน และcivilization ในขณะนั้นสุงมาก ผู้คนอยู่อย่างสงบและมีความสุข
        ในขณะนั้น ดวงจันทร์ดวงแรกชื่ิอ Lelia  ได้มี พวก Dark force เข้ามาบุกรุก และสร้าง base ไว้บนดวงจันทร์ดวงนี้ เพื่อจะทำการยึดครองโลก และ source of life และมี star war บน Lelia และ Demigod ชื่อ Dazdbog ได้ตัดสินใจทำลายทำลายดวงจันทร์ดวงนี้ โดย ใช้ power of thought ชิ้นส่วนของ Lelia ได้ ตกลงมาบนโลก เหมือนห่าฝน จึงส่งผลให้เกิด polar shift ครั้งแรก และ continent จมในเวลาต่อมา (continent ไม่ได้จมในทันทีนะครับใช้เวลาระยะหนึ่ง)และในขณะนั้น มีผู้คนมากมายที่เสียชีวิตเพราะไปขึ้น ไม่ Vitmanas ทัน ผู้คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ได้ใช้ Star Gates และ Vitmanas อพยพไปยัง กลุ่มดาวหมีน้อยหมีใหญ่ (ursa minor ) บางส่วนอพยพไปอยู่แถบไซบิเรีย ต่อมาเริ่ม continent จมลง Arctic Ocean (continent ไม่ได้จมในทันทีนะครับใช้เวลาระยะหนึ่ง) นั่นคือยุค ice age

        หลังจากนั้นประมาณ 40,000 ปีก่อน ได้กลับมาอาศัยอยู่ในโลกนี้อีกครั้ง แถบไซบิเรีย และ มีอีก 3 race ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในโลกนี้ คือ yellow race ,red race,black race และ white race ได้จัดให้แต่ละ race อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ใกล้เคียงกับ ดาวบ้านเกิดที่สุด เดินทางมาโดย star gate ,viatmaras viatmanas ใน 3 race นี้ black race เป็นเสมือน refugee จากสงคราม เพราะดาวบ้านเกิดเขาถูกทำลาย เพราะนั้นพวก black race จึงเข้ามาอยู่มากกว่า race อื่น และ มีหลายเผ่า (พวกที่มีหน้าตาแบบแอฟริกา และ ผิวดำลักษณะคนอินเดีย) ระดับ consciousnessความรู้ความสามารถ ของแต่ละ race (1)white race (2) yellow race (3) red race (4)black race

        black race เป็นพวกที่มีความอ่อนแอทางด้าน spiritual ตลอดเวลาในสงครามที่ยาวนาน (star war)ผู้คนจาก black race ส่วนมากถูกควบคุม และสนับสนุน ฝ่าย Dark force ในการทำสงครามระหว่าง
Dark และ Light


       จากที่เกิด polar shift เกิดยุค ice age ในยุคนั้น white race รุ่นต่อๆมา เริ่มอพยพหนีหนาวร่น ลงมา
อยู่กระจายกันออกไป แถบยุโรป และ แอตแลนติก
       หลังจากสงครามใช้ไม่ได้ผลพวก parasite เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ที่แลกมาด้วยชีวิตของชาว white race มากมาย ก็ยังไม่ละความพยายาม จึงเปลี่ยนวิธี ใช้ กลวิธีไหม่ นั่นคือแอบแฝงเข้ามาในโลก และเจาะจงแฝงตัวเข้าไปในกลุ่ม white race โดยใช้กลอุบาย คือ การโกหก โดยที่พวกนี้(parasite) จะเลือกใช้กลอุบายนี้ กับพวกที่มี ระดับ spiritually immature (spiritual ไม่เติบโตเต็มที่ )

*หมายเหตุ มนุษย์จากดาวต่างๆ มีศักยภาพ ทางเทคโนโลยี่และระดับ spiritual ที่ต่างกัน(แม้กระทั่ง race เดียวกัน )

     Ants เป็นเผ่าหนึ่งของชาว white race Ants เป็นเผ่าที่ยังมี spiritual ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่
พวก parasite จึงหลอกล่อ คนเผ่านี้ ให้หันมาสนใจในการพัฒณาในเทคโนโลยี่ โดยลืมพัฒณาทางด้าน spiritual และในที่สุดระดับ consciousness เริ่มตกต่ำลง parasite จึงใช้ช่องว่างยุยงให้คนเผ่า Ants
คิดครอบครองโลก และเริ่มแผนการอย่างลับๆ โดย เริ่มสร้างฐานบนดวงจันทร์ Fatta


         ละในช่วง13019 ปีก่อน (2010) มีสงครามนิวเคลียร์ ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ครั้งแรกบนโลกใบนี้
ซึ่งสร้างความเสียหายมหาศาล กับพืช สัตว์ และแหล่งน้ำ เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ และต่อมาภาย Radiation หลังส่งผล gene ของมนุษย์บางส่วนเปลี่ยนไป (มีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าปรกติ ที่คนในยุคต่อมาเรียกว่า เนฟิล)
    ผู้นำ Ants เดินทางหนี โดยใช้ยานViatmara และ Viatmana และในขณะนั้น God Niy ใด้ทำลาย ดวงจันทร์ Fatta เพราะมี base ของ Ants และพวก parasite อยู่ เนื่องจาก Fatta มีแรงดึงดูดอันมหาศาล
จึงเป็นเหตุให้ชิ้นส่วนของ Fatta ตกลงมาชิ้นใหญ่ยังโลกหลายชิ้น และบางส่วนก็ไปกระแทกกับดวงจันทร์ Mesiats(ดวงปัจจุบัน) ส่งผลให้ polar shift เอียง 23.5 degrees

และ Atlantic จมในเวลาต่อมา star gate ทุกที่ถูกปิด (ในยุคนั้น star gate เปรียบเหมือนสถานี ที่ไปได้ยังดาวทุกดวง มีการคบหาสมาคมกับดาวดวงอื่นๆ หรือว่าถ้ามองภาพให้ชัดขึ้น ก็จะเหมือนกับรถไฟไต้ดิน และ สถานีรถไฟฟ้าที่เชื่อมโยงถึงกันได้) สาเหตุที่ ต้องปิด star gate ทุกที่ เพราะ ป้องกันไม่ให้พวก Dark force ใช้งาน

    ในครั้งนี้พวก Dark force ชนะ ตามที่คาดหวังไว้ ที่จะเห็น consciousness ของมนุษย์คนตกต่ำลง
และระดับ civilization กลับไปเริ่มต้นจาก 0 ไหม่ จาก the galactic level กลายมาเป็น the level of the Stone Age และเป็นยุค ice age ช่วงสุดท้าย ทางตอนบนของยุโรปร้างผู้คน อยู่ระยะเวลาประมาณ 5000-6000 ปี หลังจากนั้น ต่อมาเพิ่งจะมีผู้คนได้กลับขึ้นไปอาศัยอีกครั้ง

  ในช่วงเวลานั้น-จนถึงปัจุบัน โลกใบนี้จึงเปรียบ เสมือนเขตกักกันโรค ที่ถูกตัดขาด จากโลกภายนอก(Isolate this planet)

แต่ก็ยังไม่ได้ถูกทอดทิ้งอย่างซะเลยทีเดียว เป็นช่วงระยะเวลา สงบศึก เท่านั้น

Star gate คือ star transport network

Star gate นั้น ต้องมี 2 ด้าน คือ ด้าน Enter และ ด้าน Exit ถ้ามีการปิด หรือ ประตูด้านใดด้นหนึ่งเสียหาย
ก็ ไม่สามารถใช้การได้ ปรกติ Star gate จะใช้เดินทางไปยังดาวดวงที่ค้นหาเจอแล้ว และนำ Star gate ของดาวนั้นๆมาไว้ที่นี่เพื่อใช้เดินทาง การเดินทางโดย Star gate จะเป็นการเดินทางแบบ Instant

* ในการค้นหาดาวดวงใหม่ จะใช้ Viatmanas ในการค้นหา

โลก ใบนี้ มี Star gate จำนวนหนึ่ง (จำนวนไม่ทราบแน่นอน) ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 4 Star gate ผู้คนจากดาวต่างๆ(ต่าง สีผิว ต่างเผ่าพันธ์)เดินทางมาโดย Star gate (จากดาวของตัวเอง)

Star gate ของดาวแต่ละดวงมีคุณภาพไม่เหมือนกัน (เอาให้เห็นภาพคือเช่นเดียวกับรถแต่ละรุ่นนะครับ) ระบบของ Star gate เป็นประตูเชื่อมโยงถึงกันได้ พลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน Star gate ไม่ใช่
electrical , magnetic, หรือ gravitation แต่เป็น Source ที่ไม่ได้กล่าวเอาไว้ และยังเป็นความลับ แต่ต้องมีการเชื่อมต่อ พลังงานนี้จากที่ใดที่หนึ่ง(หรืออาจจะเชื่อมจากพลังงานเริ่มต้น) ถึงจะมี Star gate ได้

(ยกตัวอย่างเช่นแสงไฟประดับต้นคริสมาสต์ ซึ่งจะต้องเสียบปลักจากที่ใดที่หนึ่ง )

สาเหตุอีกอย่างที่ Star gate บนโลกถูกปิด เนื่องจากสงครามในช่วงเวลาเดียวกัน คือ สงคราม (star war) ระหว่าง Light and Dark Forces บนดาว Rutta-Earth และ Troara-Earth ผลพวงจาก atomic and nuclear weapons ได้ทำลายล้าง ดาวทั้งสองดวง

และได้ทำการปิด Star gate บนดาวทั้งสองดวง และ ความเสียหายครั้งนี้สร้างผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะ มีดาวอยู่ดวงหนึ่ง คือ Troara-Earth มี Multi-Gate Circle ซึ่ง รวมเอา star gate จากดาวมากมายไว้ที่นี่ (ที่นี่เรียกได้ว่าเป็น สถานีหลัก พูดให้เห็นภาพง่ายขึ้นนะครับ)

Multi-Gate Circle ปิด แต่ก็ไม่ได้ปิดทั้ง network เป็นการปิดแค่บางเ้ส้นทางบน Universe เท่านั้น


        หลังจากที่โลกกลับเข้าสู่ยุคหิน ระดับ consciousness และ spiritual ของผู้คนตกต่ำลงเรื่อยๆ

เมื่อ 2695 BC (4702 ปีก่อน) (2010) เป็นยุคที่ระดับ consciousness และ spiritual ของผู้คนตกต่ำมาก

       โดย เฉพาะชาว Dravidian และ Naga พวกเขา บูชา(Kali-Ma )black mother และใช้ black magic มีการฆ่ามนุษย์และสัตว์เพื่อ บูชายันต์ (ชาว black race เป็นพวกที่มีระดับ spiritual ที่อ่อนแอ และ black race ยังจดจำข้อมูลที่พวก parasite ฝังไว้gene ในความสัมพันธ์(ความเป็นทาส) ระหว่าง พวกเขากับ Dark side)


white race ได้ส่ง (ชาว Aryans)

        กลุ่ม white race teacher (Urs ) ผู้ซิ่งมีความรู้ ทางด้าน physic ;behavioral reactions of human genetics.

        เดินทางจาก ไซบิเรีย สู่ Dravidia (Ancient India) เพื่อจะเข้าไป หยุด การบูชายันต์ และ สอนความรู้ดั้งเดิม(Slavonic-Aryan Vedas ) และ รู้ว่าชาว Dravidian และ Naga บูชา(Kali-Ma )black mother มาหลายพันปี ซึ่งความทรงจำเหล่านี้ได้ฝังอยู่ใน DNA จึงได้คิดที่ทำการเปลี่ยนแปลง gene โดย การใส่ gene ของ white race เข้าไป โดย Genetic correction

และนอกจากนั้นยังมีชาว yellow race บางส่วนที่ได้รับการเปลี่ยน gene (โดยสมัครใจ หรือขอร้องให้ทำเพื่อ improve consciousness )

       แต่พบปัญหาคือ โครโมโซมเพศหญิงจะมีลักษณะ เด่น กว่า โครโมโซมเพศชาย ถึงแม้ว่าจะได้รับการเปลี่ยน gene แล้ว ก็ยังมีข้อด้อยทางพันธุกรรม คือ ลักษณะนิสัย ไม่สามารถเปลี่ยนได้
จึงได้หาวิธีไหม่คือ โดยการนำเซลโครโมโซมจากเพศชาย จากไขกระดูก ซี่โครง ได้ใช้การสะกดจิต (pst) เพื่อทำการผ่าตัด

        หลังจากนั้น ประมาณ 2619 BC.(2010) white race teacher (Urs ) ได้เดินทางกลับ ไซบิเรีย โดยทางเท้าใช้ระยะเวลา 76 ปี ผ่าน เทือกเขา หิมาลัย สู่ ไซบิเรีย

*** Genetic engineering ความรู้นี้มาจาก white race ผู้คนในยุคนั้นที่อาศัยอยู่ทางฝั่งทวีปเอเชีย yellow race ,black race เห็นความรู้ความสามารถ ของ ชาว white race คิดว่าเป็นผู้วิเศษจึงคิด ว่าเป็น พระเจ้า และ ได้ทำการนมัสการ บูชา

แต่จุดประสงค์หลัก ที่แท้จริงของ ชาว white race คือการนำ มนุษย์ ให้กลับมาอยู่ฝ่าย light side
จึง ได้ทำการเปลี่ยนแปลง gene อย่างน้อย ให้ได้จำนวน 80 % ของ ทั้งหมด แต่กระบวนการ มันต้องใช้ระยะเวลาหลายร้อยปี ในการแพร่กระจาย เผ่าพันธ์ ไหม่นี้
ด้วยระยะเวลา มันจึงเป็นอุปสรรค จึงไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะหลังจากที่ white race ได้เดินทางกลับไซบิเรียแล้ว พวก dark side ได้ทำบางสิ่งเป็นการรบกวนกระบวนการนี้

****ผู้คนที่ถูกเปลี่ยน gene เหล่านี้เรียกว่่า gray - sub race ในรุ่นแรกๆ พวกเขายังมีผิวที่ดำ แต่รุ่นต่อๆมาผิวเริ่มขาว จนกระทั่งขาว เหมือน ชาวยุโรป (แต่ในตา สีดำ หรือ ผมสีดำ ผมจะหยิก )

ต่อมาหลังจากที่ พวก dark side ได้รบกวนกระบวนนี้ และไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครทราบได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น กับ พวก gray - sub race ไม่มีบันทึกไว้

***แต่ใน Apocrypha (คริสเตียน bible) ฉบับหนึ่งได้ทำการบันทึกเอาไว้ถึงการ สร้าง (bio robot) จะเอามาเขียนคราวต่อไปนะครับ

Dravidian และ Naga ได้หยุดบูชา(Kali-Ma )black mother ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น(ผ่านไปประมาณ 3-4 generation)

         หลังจากนั้น ก็ได้กลับมาบูชา (Kali-Ma )black mother และ บูชายันต์มนุษย์อีก

ความรู้ดังเดิม the Slavonic-Aryan Vedas ได้ถูกเปลี่ยนแปลง บิดเบือน มาเป็น the Hindu Vedas
(Hindu มาจากคำว่า สินธุ) มีการบูชายันต์มนุษย์ และ ใช้ black magic


          จนกระทั่งเวลาผ่านไป 613 ปี (2009 BC.) (2010) white race ได้ส่งชาว Aryans เข้าไปครั้งที่สอง
กลุ่ม นี้ เรียกว่า second Aryans campaign มีหัวหน้าทีม ชื่อ khan uman (ชื่อคล้าย ตัวเอกในรามเกียริต์) khan uman เป็น supreme priest ในทีมของ Goddess Tera ( female Demigod)
เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างเด็ดขาด


           white race { Urs} ได้เดินทางเข้าไปยัง Dravidia เป็นครั้งที่สอง ในครั้งนี้ Urs ได้ทำการ เนรเทศ พวก Grey- Sub race ทั้งหมดให้ออกจาก อินเดีย ให้ไปยัง Artificial Mountains หรือ ปิรามิด (ประเทศอียิปต์) เนื่องจากพวก Grey- Sub race เป็นพวกที่มีนิสัยของ Parasite คือ ไม่ชอบทำงาน ขี้เกียจ ดังนั้นเอง การที่ Ursส่งพวก นี้ไปยัง อียิปต์ ก็เพื่อต้องการจะดัดนิสัย และ เพื่อ Improve ระดับ Consciousness และ spiritual โดยการให้ไปทำงานที่ อียิปต์

          แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะ พวก Grey- Sub race ได้มีแผนการที่จะเดินทาง ไปยัง ดินแดน Kush ( Second Eden ) หรือ เอธิโอเปีย ในปัจจุบัน ซึ่งสถานที่นี้ได้ถูกเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ โดย พวก Black priest

         ขอย้อนไปอีกนิด ก่อนที่หลังจากที่ แอตแลนติกจมลง มหาสมุทร แล้ว พวก white race (Ants) ผู้นำ บางส่วนที่รอดชีวิตได้หนีไป โดยอาศัยยาน Vimana เข้าไป ตั้งรกราก ที่ อียิปต์ ซึ่ง ผู้คนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นชาว Black race( อีกเผ่ามีหน้าตาแบบชาวแอฟริกา ) ผู้คนที่นี่ได้เมื่อเห็นความรู้ความสามารถของชาว white race( Ants) ถึงแม้ว่าความรู้ความสามารถต่างๆ จะถอยหลังลงไปเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังเหนือกว่า race อื่น ดังนั้นชาว Black race ที่นี่จึงคิดว่าเป็นผู้วิเศษ

         ด้วยเหตุนี้เองชาว white race (Ants) จึงได้เป็นผู้นำของที่นี่ (อียิปต์) และได้ใช้ระบอบการปกครองแบบเดิม เหมือนกับที่เคยใช้มาที่แอตแลนติก คือ ระบอบ ชั้น วรรณะ (caste system) โดยมีผู้นำเป็นชาว white race (Ants) และพวก Black race อยู่ในระดับล่าง หรือต่ำกว่า ซึ่งพวก Ants ไม่ได้สำนึกหรือเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา(ในตอนแอตแลนติกจม และสงคราม)แต่ยังไงก็ตามใน สมัยอียิปต์ ระดับของ Special skill ,Ability , power ถดถอยไปเป็นอย่างมาก จึงไม่รุ่งเรือง เหมือนยุคแอตแลนติก

- พวกผู้นำ หรือกษัตริย์ ของที่นี่ จะนับถือ หรือ บูชา เทพเจ้า RA ( ซึ่งเป็นชื่อ ของ Hierarchy ฝ่าย light side และRA มีความหมายว่า รัก ) ซึ่ง Ants ได้ยืมหรือขโมย ชื่อ เพื่อสร้างความเป็นพระเจ้าของตนเอง

* Hierarchy เป็นระดับของ Civilization ทางด้าน spiritual ของฝ่าย light side

- พวกที่อยู่ในระดับล่างลงมา จะนับถือ หรือ บูชา เทพเจ้า Osiris

          ในช่วงระยะแรก จะยังไม่มีลูกผสมระหว่าง ชาว white race (Ants) และชาว Black race เพราะยังมีระดับของ Evolution ที่ยังแตกต่างกันอย่างมาก จึงใช้งานพวก Black race เหมือนทาส และตั้งตนเป็นเหมือนพระเจ้า หรือ สมมุติเทพ

          เมื่อ พวก Grey- sub race ได้เดินทางจาก อินเดีย มาถึง อียิปต์ ในปี 1675 BC . โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทาง เป็นเวลา 300 ปี ใน 10 generations
คนกลุ่มนี้เรียกว่า Hyksos เนื่องจากว่า Grey- sub race เป็นกลุ่มคนที่ ถูก บล๊อก ยีนต์ ของ พวก Black race เอาไว้ จึงไม่ใช่แค่เป็นลูกผสมทั่วไป ดังนั้นพวกนี้จึงมีระดับของ Ability , Skill ,Power ที่พัฒณาแล้วในระดับหนึ่ง พวกนี้จึงมีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ใช้บ้างแล้ว และอาวุธยุทโธปกร ก้อเหนือกว่าชาว Black race ที่อยู่ในอียิปต์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายในการเข้ายึดครองอียิปต์ หลังจากเข้ายึดครอง ฝ่ายผู้นำ ก็ แต่งตั้งตนเอง เป็น ฟาโรห์ ของ อียิปต์

        แต่มี บางส่วน ที่ไม่หยุดอาศัย ที่อียิปต์ แต่ได้เดินทางต่อไปยัง ดินแดน Kush หรือ second Eden ประเทศเอธิโอเปีย ในปัจุบัน คนกลุ่มนี้ ไม่ได้เดินทางกลับไปยัง Dravidia อีกเลย จึงได้ปักหลักอาศัยอยู่ที่นี่ และจัดตั้งที่นี่เป็น Center of Dark force

Rulers of the Greys (Parasite) เป็นพวกที่มีร่าง พวกนี้เข้ามาในโลกครั้งแรก ก่อนสงคราม และ แอตแลนติกจม โดยแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มคนของ ชาว White race (Ants) ในการปรากฎตัวครั้งแรก จะคลุมร่างกาย และคลุมใบหน้า หรือ พรางใบหน้าโดยการทาแป้งให้ขาว หรือแต่งหน้าเข้ม พวกนี้มีสีผิวเป็นสีเทามี 2 เพศในคนเดียวกัน พวกนี้ มีความรู้ทางด้าน Genetic เป็นอย่างดี

และรู้ดีว่าถ้า จะควบคุมมนุษย์ แและ ครองโลกนั้น จะต้องมีอาวุธ หรือ เครื่องมือชั้นดีสาเหตุที่ยังครองโลกไม่ได้ทั้งหมด เพราะยังมี ผู้คนบางส่วน ที่ดำเนิน วิถีชีวิต ตามแนวทาง Slavonic-Aryan Vedas
ดังนั้นพวก Grey-Sub race จึงเป็น Nutrient medium ของพวก Dark Forces เป็นเสมือนเครื่องมือหรืออาวุธชั้นดีที่จะใช้ในการครอบครองโลกใบนี้
พวก Dark Forces จึงได้ทำการแก้ไข Unblock gene พวก Grey-Sub race

อธิบายย้อนไปนิดนึงครับ

-โครโมโซมเพศ ชายและ หญิง ของ Black race (ใช้สีสัญลักษณ์แดง) xx xy
โครโมโซมเพศ ชายและหญิงของ White race (ใช้สีสัญลักษณ์ น้ำเงิน) xx xy

วิธีการในครั้งแรก Urs ได้ผสม gene ของ white race โดย Genetic correction

*เพศหญิงเป็นชาว white race + ชาย Black race ลูกที่เกิดมาจะเป็น white race

(หญิง) xx + (ชาย)xy = (หญิง) xx (ชาย) xy


*เพศหญิงเป็น black race + ชาย white race ลูกที่เกิดมาจะเป็น black race

(หญิง) xx + xy (ชาย) = (หญิง) xx (ชาย) xy

และวิธีการเหล่านี้ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะ ยีนต์ เด่น จากแม่ ทำให้ ลักษณะนิสัยไม่เปลี่ยน Urs จึงได้คิดค้นวิธีไหม่คือ

การ Block gene เป็นการบล๊อกโครโมโซมของ black race ไม่ให้ active อีกต่อไปโดยจากการนำโครโมโซม ไขจากกระดูกซี่โครง เพศชาย ชาว white race
จาก สาเหตุนี้ พวก Dark force จึงรบกวนกระบวนการวิวัฒณาการ จึงไม่ประสบผลสำเร็จ และพวก black priest ได้วางแผนและสร้าง สถานที่บูชา Black mother {kali-ma} และ Naga แห่งไหม่ คือ Eden 2 และ Eden 3 Eden 2 หรือ ดินแดน kush ในเวลาต่อมาจึงเป็น ศูนย์กลางบัญชาการของพวก Dark force ที่นี่จึงเป็นสถานที่ ที่ผลิต New Grey- sub race ด้วยการ Unblock gene ในเวลาต่อมา เรียกว่า ยิว Israelite หรือ the "chosen people"



วิธีการคือ การ ใส่ sperm semen ของพวก parasite เข้าไปใน รังไข่ของผู้หญิง Grey- sub race
เนื่องจากพวก Parasite มี สองเพศในคนเดียวกัน และพวกนี้มีความรู้ในเรื่อง Genetic เป็นอย่างดี
จึง รู้ว่าถ้า ใส่ sperm semen ในจำนวนที่มากเกินไป จะส่งผลให้ทายาท ที่จะเกิดมา มีหน้าตาคล้ายพวก Parasite ดังนั้น จึงระวังเป็นอย่างมากในการทดลอง เพราะแม้แต่เปอร์เซ็นแค่เพียงนิดหน่อย ของจำนวน sperm semen ก็ส่งผลให้ ทายาท ที่ออกมาเป็น Homosexual ทั้งเพศ ชายและเพศหญิง

ดังนั้น ด้วยเหตุนี้เองพวกที่เป็น Homosexual ในพวก New Grey- sub race (ยิว) จึงมีจำนวนที่มาก สุงกว่า 70 %ของจำนวนทั้งหมด

- การขลิบอวัยวะเพศชาย

โครโมโซม Y ของ white race เป็น อันตรายและอุปสรรค สำหรับ Social parasite

พวกที่เป็น elite จะมี gene ของ parasite ที่เด่นกว่า พวกนี้ไม่ต้องขลิบ อวัยวะเพศ

ส่วนผู้ มี gene ของ white race เด่นกว่าต้องขลิบอวัยวะเพศเพราะการขลิบ นั้น ความเจ็บปวด (pain shock ) นั้นจะไปบล๊อก โครโมโซม Y ของ white race

อีก 300 ปีต่อ มา พวก ยิว ที่อาศัยอยู่ที่ Kush ได้เดินทางกลับมายัง อียิปต์พวก New Grey- sub race (ยิว) ได้ ดูถูก หรือเหยียดกลุ่ม Grey- sub race ที่อาศัยอยู่ที่นี่เพราะ คนกลุ่มที่นี่ไม่ได้ Unblock gene ไม่ได้เดินทาง ไปยัง Kush และไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่ อียิปต์แต่ได้เดินทางกระจัดกระจายไปทั่วโลก


*หมายเหตุ ไม่มีใครรู้รายละเอียด ในช่วงที่พวก ยิว อาศัยอยู่ Kush เพราะใน คัมภีย์ 40 เล่มของพวก ยิว ไม่เคย ถูกแปลเป็นภาษาใดๆเลยมีแต่ Torah ที่เขียนขึ้นโดยชาว ยิว และแปล มาเป็น (Old testament) คริสเตียน bible

*Slavonic-Aryan Vedas เป็นความรู้และความเข้าใจในทุกสิ่ง มนุษย์ โลก จักรวาล พระเจ้า หรือ พลังงานเริ่มต้น

หลายคนคงจำข่าวโจรสลัดที่ โซมาเลีย ได้นะครับ แปลกใจกันมั้ยว่าทำไม มีหลายๆประเทศส่ง ทหาร และเรือรบจำนวนมาก ไป ประจำการที่นั่น เช่น Iran,India,Japan,Russia,China,Britain,The E.U & Nato เอเชียเรา จีน ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมหาอำนาจ ที่ ไม่เคยส่งทหารไปประจำการที่ไหนเลย เป็นเวลานานแล้ว แต่เกิดอะไรขึ้น โจรสลัด มีอิทธิพล ขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่า มีเหตุผลอย่างอื่น (แต่ก็ปิดข่าว)

ข้างล่างเป็น การสัมภาษณ์ Aaron McCollum, ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ ใน Project MKUltra (mind control)
ได้ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ( Gulf of Aden ) เพราะว่ามี Star Gate ปรากฏ ขึ้น ที่นี่ แต่ไม่ถึงกับเปิดนะครับ เพียงแต่ปรากฏเพียงชั่วขณะ แล้ว หายไป (เรื่องนี้เดี๋ยวผมค่อยหาข้อมูลมาเพิ่มนะครับ)

* หมายเหตุ: ผมเชื่อว่าถึงค้นพบก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะว่ามันถูกปิดอยู่




•Project Stargate: An interview with Aaron McCollum, a third generation supersoldier/psychic warrior from the same MKUltra program as Duncan O'Finioan.

Aaron reveals what he feels is happening in the Gulf of Aden and tells a bit about his own history with the U.S. Coast Guard and his involvement in false-flag top secret missions and special assignments for the secret government.

ปี 2012 จะไม่ใช่วันสิ้นโลก

-ทางด้าน consciousness และ spiritual จะเป็นช่วงระยะเวลาืที่ Parallel world เข้ามาพาดผ่านกัน ขอใช้คำนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี เป็นช่วงเวลาครบรอบ คือ ลักษณะของ Parallel world จะมีลักษณะรูปลักษณ์ คล้าย DNA และเมื่อในช่วงเวลาที่พาดผ่านนี้ เป็นเวลาที่สำคัญในการกำหนดทิศทางของ อณาคต ทางด้าน consciousness และ spiritual ของมนุษย์ ซึ่งในระยะช่วงเวลานี้ ไม่ได้มีผลแค่โลกใบนี้เท่านั้น แต่ทุก Planet ทุก Galaxy ,ทุก Universe และ God world, spiritual world ,materiel world แต่ผลที่ว่านี้เป็นผลด้านบวก เพราะ จะมีผู้คนที่สอบผ่านในระดับ consciousness และ spiritual ในแต่ละระดับ เช่น Materiel รวมไปถึง ผู้ที่อยู่ในระดับ Cosmic life form (ในระดับ Materiel world)
และก็มี ในระดับ spiritual world และ God world อีกตามระดับ

แต่สำหรับ มนุษย์ บนโลกนี้ ที่ยังอยู่แค่ระดับ Materiel ในการที่ออกจาก host นี้ กลับไปเป็น Cosmic life นั้น

สำหรับ คนที่สอบผ่าน ไปอาศัย ้host ในโลกที่มีระดับ consciousness และ spiritual ที่สุงกว่ามนุษย์โลก ที่นี่ จะยังต้องเรียนรู้อีกเพื่อพัฒณาระดับ ไปในระดับที่สุงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าใจระดับ consciousness และ spiritual มากขึ้น จนไม่ต้องอาศัย host ในการเรียนรู้อีกต่อไป (เป็น cosmic life form ซึ่งแม้แต่ Supernova ก็ทำลายไม่ได้) แต่ก็ยังต้อง พัฒณา เพื่อให้ไปถึง ระดับ spiritual world

ส่วนผู้ ที่สอบไม่ผ่านที่ออกจาก host ไปก็จะต้องกลับมาอาศัย Host (มาเกิด) เป็นมนุษย์บนโลกนี้อีกครั้ง (ซ้ำชั้น) ต้องมาเรียนรู้จนผ่าน


***ใน การที่มนุษย์ ที่จะกลับมาอาศัย host ไหม่ นั้นตัววัดหรือตัวบ่งชี้ใน การกำหนด host ไหม่ คือ ระดับ consciousness และ ระดับของ Spiritual คือ ถ้า เข้าใจ ว่าเรา คือ พลังงาน(cosmic life) หรือ แสงสว่าง แล้วนั้น ระดับ consciousness เป็นตัวกำหนด ความสว่างของพลังงาน เพราะพลังงานนั้นจะความสว่างมากน้อย เข้มข้น ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ในระดับการรู้ ทางด้าน spiritual มนุษย์บางคน อาจ มีความสว่างน้อย เทียบเท่ากับ สัตว์(ที่มีสมองใหญ่ ไม่ใช่ไดโนเสาร์นะครับ เพราะไดโนเสาร์ นั้น อยู่ในช่วงเวลาของ Evolution ของโลกที่ยังไม่สุกงอม ยังไม่พร้อมเป็นสถานที่เรียนรู้ทางด้าน consciousness ที่พูดนี้คือ มันเกี่ยวกับ Parallel world ที่ มีทั้ง อดีต ปัจบัน อณาคต)

ใน ความเข้มข้นของความส่วางน้อยที่เทียบเท่าสัตว์ สมองใหญ่ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ Host ไหม่ ในครั้งต่อไป คือ มี Host เป็นสัตว์ชนิดนั้นๆ การเรียนรู้ คือต้องพัฒณามาอยู่ในระดับมนุษย์อีก (แต่เป็นช่วงเวลาที่ยากมากในการที่จะพัฒณาระดับการเรียนรู้ จากระดับสัตว์มาเป็นมนุษย์อีก)

ในระดับสัตว์ลงมานี้ถ้า ยังไม่พัฒณาขึ้นมาเป็นมนุษย์ไม่ได้อีก จาก สัตว์กลับมาสู่ host ก็อาจกลายเป็น สิ่งมีชีวิตอื่นไปจน สิ่งมีชีวิตเล็กๆ จน ความเข้มข้นของพลังงานหรือแสงสว่างหายไปในที่สุด

จนในที่สุดก็จะ กลาย เป็น Cosmic parasite (ส่วนพวกที่ไม่มี conscience เลยเช่นพวก ยิว ที่เป็น elite ซึ่งเป็น Artificial light ไม่ใช่ แสงสว่างของ ทางด้าน light อยู่แล้ว ถึงออกจาก host ที่เป็น มนุษย์ไป และ พวกที่ถูกควบคุม
(ไม่ตื่น)ก็ยังจะอยู่ใน Dark world ) ทาง Dark side นั้นการพัฒณาเป็นไป ในด้านตรงกันข้าม กับ Light side โดยสิ้นเชิง จาก เทา ก็
กลายเป็นดำ ถึงดำสนิท ที่นั่น เป็น Dark world และระดับ ความเป็นใหญ่ ก็ ขึ้นอยู่กับพัฒณาการทางด้าน Dark



ส่วน คนที่ยังไม่ออกจาก host(ไม่เสียชีวิต) นี้ไปชีวิตหลังจากปี 2012 จะเปลี่ยนไปตามทิศทาง ระดับ consciousness ที่มี

คนที่ตื่นขึ้นก็จะ สงบ เข้าใจ ไม่แปลกใจ ในสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นและ

เป็น ไป (เพราะอาจจะเห็นใครหลายคนหายวับ ไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งจะเป็นการก้าวกระโดด ในระดับ consciousness ไปอยู่ใน Dimension อื่น ที่มีเราอยู่ตามระดับ consciousness ที่เราเข้าใจ ก็คือใน Dimension ของเราที่นี่ เราจะหายไป แต่ตัวตนของเรานั้นไม่ได้หายไปไหน )

แต่จะมีหลายคนที่ยังหลับไหล อยู่ไต้การควบคุมของ พวก parasite ก็ จะมีชีวิตที่งุนงง หวาดกลัว แปลกใจ กับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

ทำไมต้องเจาะจงเริ่มต้น ระดับ consciousness และ spiritual ที่นี่

เพราะ Svarog Gods ที่ควบคุม ดูแล ระดับ Materiel world บอกว่าโลก นั้น เป็นเสมือน ราก ของ Tree of life (คือ จุดเริ่มต้นของเส้นทาง Golden way ที่เป็นเส้นทางที่สามารถเดินทางไปถึงยังทุกโลก Materiel world , spiritual world และ God world)

เนื่องจาก Galaxy นี้ เป็นตั้งอยู่(ขอบของ Universe ) บน เส้นแบ่งเขต ระหว่าง Dark world และ light world และโลกใบนี้ ก็ ตั้งอยู่ขอบ ของ Galaxy ระดับ consciousness และ spiritual จะอยู่ในระดับ 0
จึงเหมาะแก่การ พัฒณา และ เรียนรู้

พวก ที่มาจาก Dark world เป็นแบบทดสอบ ชั้นดี ที่เอา อำนาจ ความร่ำรวย มาล่อ มนุษย์ให้ตกจาก ระดับ spiritual เหมือนดังเช่น ชาว White race เผ่า Ants ที่เป็นอย่างนั้น

Golden way ต่างจาก Star Gate คือ

-Golden way สามารถเดินทางไปถึงยังทุกโลก Materiel world , spiritual world และ God world (หลาย Dimension ) แต่เส้นทาง Golden way ไม่ใช่ใครจะเดินทางไปก็ได้ คนที่จะใช้เส้นทางนี้ได้ต้องมีระดับ ความเข้าใจด้าน spiritual ที่สุงมากพอ
ระยะทางหรือขีดความสามารถ ที่จะไปได้ใกลขนาดไหนนั้น ความเข้าใจในระดับ spiritual จะเป็นตัวชี้วัด

- Star Gate มีความจำกัด สามารถเดินทาง ได้ในระดับ Materiel world เท่านั้น


* หมายเหตุ ผมใช้ภาษา ให้เข้าใจง่ายขึ้นเกี่ยว กับ คำว่าสอบผ่าน หรือไม่ผ่าน เพราะไม่รู้จะเปรียบเทียบคำไหนดี แต่มันก็คือ ความเข้าใจ ทางด้านconsciousness นะครับ

(อ้างตามความรู้ทาง Slavic Aryan Vedas <***ขอขยายความ*** ความรู้นี้ มา จาก ชาว Aryan white race เผ่า Slav" Rassen ที่มี นัยตาสีฟ้า 1 ใน สี่เผ่า ที่เข้ามายังโลก ครั้งแรกและ อาศัยอยู่ที่continent ที่มีหน้าที่โดยตรงในการสอน ความรู้ ทั้งหมดเป็นความรู้ Basic ทางด้าน Material และ Spiritual
สุดท้ายแล้ว ก็คือเข้า ใจการในระดับ Spiritual อย่างเดียว เกี่ยวกับ cosmic life และถัดมาก็ไต่ระดับของ consciousness และ spiritual )


- ทางด้าน Materiel คือ 2012 ใน Levashov ebook ได้เีขียนไว้ว่าเป็นช่วงเวลา ครบรอบ 1008 ปี ที่ Galaxy นี้โคจรออกมาจาก Dark side


เป็นช่วงระดับ consciousness และ spiritual ของผู้คนบางส่วน จะ

ตื่นขึ้นจากหลับไหล อีกครั้ง

อาจจะต้องมีสงคราม star war ที่เลี่ยงไม่ได้ ระหว่าง Dark และ Light

ส่วน ภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นผลพวงจากสงคราม ย่อมตามมาเช่นกัน

ใน ปัจจุบันนี้ ภัยที่ไม่ใช่ ธรรมชาติ เกิด จากการ ทดลอง อาวุธ HARRP
ของพวก Dark side ก็มี

ที่มา :  http://dots-connector.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น